จากกรณีคนขับรถบรรทุกสิบล้อคลั่ง ขับรถชนดะในพื้นที่ สน. คลองตัน, สน. ทองหล่อ และ สน.ท่าเรือ มีผู้เสียหายรถถูกชนและผู้ได้รับบาดเจ็บหลายคน รวมถึงมีผู้เสียชีวิต 1 คน
ล่าสุดทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ลงพื้นที่ไปพูดคุยกับ นางเสาวลักษณ์ สุ่มนุช อายุ 34 ปี ภรรยาของ นายประวิทย์ มากพิชัย อายุ 39 ปี ผู้เสียชีวิต ได้เดินทางไปที่นิติเวชฯ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และติดต่อขอรับศพนายประวิทย์มาบำเพ็ญกุศล โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า
ช่วงที่เคลื่อนร่างของผู้เสียชีวิตขึ้นรถ ภรรยาได้จุดธูปบอกกับเจ้าที่เจ้าทางและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ช่วยเปิดทางให้ดวงวิญญาณของสามีไปที่วัดมักกะสัน เพื่อบำเพ็ญพิธีทางศาสนา จากนั้นก็เดินทางออกไปทันที และเมื่อเดินทางไปถึงวัด ครอบครัวได้เคลื่อนร่างลงจากรถ และช่วยแบกไปวางไว้บนศาลาเพื่อรอรดน้ำศพ
นางเสาวลักษณ์ บอกกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อคืนนี้รู้สึกว่าสามีมาหาที่บ้าน เพราะตนเองได้กลิ่นธูป ตนเองจึงบอกกับลูกชายวัย 4 ขวบว่า พ่อเสียแล้วนะ ไม่กลับมาแล้วนะ ซึ่งลูกก็ตอบกลับมาว่า ไม่จริงพ่อยังอยู่ แต่เลือดออกเต็มเลย เมื่อลูกพูดจบตนเองก็ตกใจมาก และเชื่อว่าสามีอยู่ข้างๆ ยังไม่ไปไหน เพราะสามีเป็นห่วงลูกชายมาก ส่วนฝั่งของผู้ก่อเหตุ ตอนนี้ก็ยังไม่มีใครติดต่อมาแสดงความเสียใจอะไร ตนเองคิดว่าคงยุ่ง แต่ตนเองได้พูดคุยกับพ่อของคนเจ็บ ที่เป็นผู้โดยสารของสามี ซึ่งทราบว่ายังเจ็บสาหัส ตนเองได้ขอโทษพ่อของเขาไป เพราะลูกสาวต้องมาเจ็บตัวเพราะซ้อนท้ายสามีไป ซึ่งเขาเข้าใจและแสดงความเสียใจกับการสูญเสียครั้งนี้
ส่วนผู้ก่อเหตุ แม้ตนเองจะโกรธมาก แต่ก็อยากให้ผู้ก่อเหตุมาขอขมาสามี เพราะไม่อยากให้สามีอาฆาตอะไร อยากให้ดวงวิญาญาณของสามีไปสู่สุขคติ ขณะนี้ผ่านมา 1 คืน ที่ตนเองต้องสูญเสียเสาหลักของครอบครัว ตนเองก็ยังทำใจไม่ได้ ตนเองนอนไม่หลับ กินอะไรไม่ลง เกิดความเครียดมาก อยากให้ผู้ก่อเหตุมารับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ขณะที่ พันตำรวจเอกปณิธิ ชาอุ่น ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลท่าเรือ เปิดเผยว่า ในส่วนของการแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ก่อเหตุ จะต้องพิจารณาแบ่งเป็นหลายพื้นที่ทั้ง สน.ท่าเรือ สน.ทองหล่อ และ สน.คลองตัน ซึ่งมีทั้งข้อหาขับรถเฉี่ยวชนให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต เฉี่ยวชนรถยนต์ให้ได้รับความเสียหาย หลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ และต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน นอกจากนี้ตำรวจ สน.ท่าเรือ ได้ส่งหนังสือเพื่อขอให้แพทย์ตรวจเลือดหาปริมาณแอลกอฮอล์และสารเสพติดในร่างกาย เบื้องต้นผลจะออกภายใน 3 วัน หากพบมีปริมาณแอลกอฮอล์และสารเสพติดก็จะดำเนินการพิจารณาแจ้งข้อหาเพิ่ม
โดยหลังจากนี้ จะรวมสำนวนคดีทั้งหมดมาไว้ที่ สน.ท่าเรือ และจะมีคณะกรรมการของกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 หรือ บกน.5 เป็นผู้กำกับดูแล เนื่องจากเกิดเหตุครอบคลุมในหลายพื้นที่ ในส่วนของ สภ.บางพลี จะไม่รวมอยู่ในสำนวนของ บกน.5 เนื่องจากในพื้นที่ของ สภ.บางพลี ไม่ได้มีเหตุการณ์ที่สร้างความเสียหาย
ส่วนตัวผู้ก่อเหตุที่เป็นคนขับรถบรรทุก ขณะนี้ยังคงนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพื้นที่ของอำเภอบางพลี โดยมอบหมายให้ สภ.บางพลี เป็นผู้ดูแลควบคุม และได้รับรายงานอาการผู้ก่อเหตุรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู ซึ่งแพทย์ให้ความเห็นว่า ยังคงต้องนอนรักษาตัวอยู่ต่ออย่างน้อย 1 คืน จากนั้น สน.ท่าเรือ จะไปรับตัวมาสอบปากคำ โดยตำรวจได้ติดต่อกับลูกสาวผู้ต้องหาที่พักอาศัยอาศัยอยู่ในต่างจังหวัด โดยเป็นบุคคลที่เกลี้ยกล่อมให้ผู้ต้องหามอบตัว จากการซักถามข้อมูลจากลูกสาวยังไม่ทราบมูลเหตุจูงใจ แต่ต้องเชิญตัวมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สน.ท่าเรือ เพิ่มเติม
ในส่วนของประวัติผู้ก่อเหตุ จากการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมพบว่าในปี 2560 มีคดียาเสพติดในพื้นที่ จ.ภูเก็ต แต่ในส่วนคดีอื่นยังไม่ปรากฎ
Advertisement