จับผัวฆ่าเมียจนมุมเพราะหิว เพื่อนหิ้วศพหวิดซวย ญาติรู้สักวันถึงฆาต (คลิป)
จากกรณีเมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 65 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ท่าเรือ แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร และเจ้าหน้าที่กู้ภัยรับแจ้งเหตุเมื่อเวลา 11.00 น. พบร่างไร้วิญญาณของ น.ส.เมทินี เวทไทสงค์ อายุ 34 ปี หญิงสาวในห้องเช่า ที่ชุมชนวัดคลองเตยใน 2 แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร ตามร่างกายมีร่องรอยทำร้ายร่างกาย บาดแผลที่ลำคอ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ส่วนผู้ก่อเหตุทราบชื่อคือ นายเฉลิม รักษาเพ็ชร หรือ นายเหลิม อายุ 55 ปี ที่ผู้ตายคบหาด้วยและมักมีปากเสียงทะเลาะกันทำร้ายร่างกายกันตลอด
ทั้งนี้ในวันที่ 5 ธ.ค. 65 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่า นายเฉลิม บุคคลตามหมายจับ หลบหนีมาพักอาศัยอยู่ที่บริเวณชุมชนหัวโค้ง ถนนดำรงลัทธพิพัฒน์ฯ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงร่วมกันเดินทางไปตรวจสอบ และเมื่อไปถึงพบ นายเฉลิม ยืนอยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวและแสดงหมายจับ ศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.820/2565 ลงวันที่ 5 ธ.ค. 65 ให้นายเฉลิมดู
โดย นายเฉลิม ให้การยอมรับว่า ตนเป็นบุคคลตามหมายจับจริงและไม่เคยถูกจับกุมมาก่อน ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับและทำการจับกุมตัว พร้อมแจ้งสิทธิฯ ตามกฎหมายให้ทราบ เเละนำตัวมาจัดทำบันทึกการจับกุมที่ สน.ท่าเรือ และนำส่งพนักงานสอบสวน สน.ท่าเรือ ดำเนินการต่อไป
ขณะเดียวกันทีมข่าวได้ภาพกล้องวงจรปิดบริเวณร้านค้าแห่งภายในชุมชนหัวโค้ง ซึ่งเป็นวันที่ 5 ธ.ค. 65 ช่วงเวลา 17.20 น. จะเห็นได้ว่าผู้ก่อเหตุสวมชุดสีชมพูชุดเดียวกับที่ตำรวจจับ เดินเข้ามาซื้อน้ำและต่อคิวรับอาหารบริเวณร้านค้า ก่อนถูกเจ้าที่ตำรวจจับกุม
ล่าสุดวันที่ 6 ธ.ค. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้เดินทางไปที่ สน.ท่าเรือ โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัว นายเฉลิม ผู้ต้องหาออกมาจากห้องสืบสวน ก่อนจะคุมตัวเข้าห้องควบคุมผู้ต้องหา ทั้งนี้ในช่วงระหว่างที่ตำรวจคุมตัวผู้ต้องหา ทีมข่าวได้สอบถาม นายเฉลิม ถึงสาเหตุเเรงจูงใจ นายเฉลิม กล่าวกับทีมข่าวว่า ตนยอมรับว่าก่อนก่อเหตุตนเองดื่มสุรากับเมียจนเมา ตนจำไม่ได้ว่าใช้อาวุธอะไรทำร้าย น.ส.เมธินี เเต่ตนรู้สึกว่าตนดึงขาเขาจนล้มมากกว่า จนทำให้เขากระเเทกบันได ตนไม่ได้มีปากเสียงกัน ส่วนที่ตะโกนด่าเมียก็เป็นเพราะความเมา
ซึ่งหลังจากยกศพขึ้นไปด้านบนบ้านเเล้ว น.ส.เมธินี ก็ยังไม่เสียชีวิต เเละยังนอนอยู่กับตนทั้งคืน ตอนนั้นตัวเมียยังอุ่นเเละยังไม่เเข็งยืนยันว่าฝ่ายหญิงมีชายชู้จริงเพราะตนจับได้เเละเห็นกับตา ซึ่งตนเห็นว่าฝ่ายหญิงมีชู้บ่อยครั้ง ส่วนชายชู้ตนขอไม่บอกชื่อ ตอนนี้ตนเสียใจมากขอยอมรับทุกข้อกล่าวหา อีกทั้งยังอยากตายด้วย
ด้าน พ.ต.อ.ดร.ดนุภัทร ขวัญพสุมนต์ ผกก.สน.ท่าเรือ ได้เปิดเผยว่า เพื่อนบ้านที่ช่วยยกศพขึ้นไปนั้น จะไม่ถูกดำเนินคดีอะไร เป็นเพียงเพื่อนบ้านที่เห็นเหตุการณ์ว่าฝ่ายหญิงโดนทำร้ายร่างกายบ่อยครั้งเท่านั้น ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวก็เห็นเเค่ว่าฝ่ายหญิงถูกทำร้ายร่างกายจนสลบ เเละเห็นว่ามีบาดแผลที่ลำคอเเละมีเลือดออก ก่อนผู้ต้องหาจะไหว้วานให้ช่วยยกผู้ตาย ซึ่งตอนนั้นเพื่อนบ้านเข้าใจว่ายังมีชีวิตอยู่ ขึ้นไปนอนด้านบนบ้านเท่านั้น เเละไม่ได้เเจ้งตำรวจเพราะไม่อยากจะยุ่งเรื่องผัวเมีย เเละเข้าใจว่ามีพฤติกรรมคล้ายกับกรณีเดิม ๆ
ทั้งนี้ ก็อยากจะฝากเคสนี้ไว้เป็นอุทาหรณ์ว่าหากพบเห็นคู่รักหรือคู่สามีภรรยาทะเลาะกัน ขอให้ช่วยสอดส่องดูแลด้วยอย่าคิดว่าเป็นเพียงเรื่องของผัวเมีย เพราะอายกลายเป็นเคสฆาตกรรมได้
ด้าน นางนิชาภา พรอิทธิเดช อายุ 56 ปี พี่สาวผู้เสียชีวิต เผยว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้แล้วนั้น ตนและครอบครัวรู้สึกสบายใจขึ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งก่อนหน้านี้ตนก็รับรู้มาโดยตลอดว่าน้องสาวมักถูกผู้ก่อเหตุที่เป็นสามีทำร้ายร่างกายบ่อยครั้ง และก็เคยเตือนให้น้องสาวเลิกยุ่งกับสามีคนนี้หลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่เป็นผล
ส่วนประเด็นที่ทางผู้ก่อเหตุอ้างว่า สาเหตุทั้งหมดมาจากเรื่องหึงหวง เนื่องจากน้องสาวตนมีชู้นั้นจึงบันดาลโทสะลงมือก่อเหตุ ตนยอมรับว่า มีความเป็นไปได้ที่น้องสาวจะมีชายอื่น เพราะน้องสาวตนมักมีผู้ชายมาติดพันหลายคน ชอบนอนกับคนอื่นมั่วซั่ว จนบางครั้งเคยมีเหตุการณ์ทะเลาะกันระหว่างผู้ชายที่มาติดพันกับน้องสาวตน 5-6 คน จนเจ้าของห้องเช่าถึงกับเอ่ยปากไล่หากมีเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้อีก
โดยก่อนที่น้องสาวจะมาคบหากับผู้ก่อเหตุนั้น เคยมีสามีมาแล้วหลายคน นอกจากนี้ก็ยังเคยมีลูกมาแล้ว 1 คน อายุประมาณ 1 ปี แต่ก็มาเสียชีวิตลงเนื่องจากถูกอดีตสามีของคนตายใช้ผ้าอุดปากเด็กจนเสียชีวิต ซึ่งที่ผ่านมาสามีของน้องสาวแต่ละคนก็มักจะชอบทำร้ายร่างกายน้องสาวตนเป็นประจำ จนทางครอบครัวไม่รู้ที่จะห้ามเตือนอย่างไรแล้ว
นางนิชาภา เผยต่อว่า เท่าที่ตนสังเกตเห็นนอกจากปัญหาเรื่องหึงหวงแล้วนั้น ยังมีปัญหาเรื่องของเงิน ซึ่งผู้ก่อเหตุมักจะชอบบังคับให้น้องสาวตนไปเอาเงินจากหลวงพ่อ พ่อที่บวชอยู่ที่วัดคลองเตยนอกเป็นประจำ หากไม่มีเงินกลับมาก็จะทำร้ายร่างกาย ทั้งนี้ในส่วนนิสัยของน้องสาวนั้น ตนยอมรับว่าน้องสาวเป็นคนที่ขาดผู้ชายไม่ได้ ชอบกินเหล้าและเสพยาเป็นประจำ เคยมีการหลอกเอาเงินจากผู้เป็นพ่อมาแล้วหลายครั้ง หมดไปเกือบ 2 หมื่นกว่าบาท หลังเกิดเหตุตนได้มีโอกาสไปเก็บของใช้ส่วนตัวของน้องสาวภายในห้องพักที่เช่าห้องอยู่กับผู้ก่อเหตุ ซึ่งเมื่อวานนี้มีคนสัมผัสได้ว่าวิญญาณของน้องสาวยังคงวนเวียนอยู่ที่ห้องพัก
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนถือว่าผู้ตายได้หมดเวรหมดกรรมไปแล้ว ซึ่งทางครอบครัวเองก็รู้ชะตากรรมของน้องสาวคนนี้มาโดยตลอดว่าจุดจบอาจจะต้องเป็นแบบนี้ หากพฤติกรรมเช่นนี้และเกิดเหตุช่วงประมาณช่วง 2-3 วัน ตนได้พาคนตายไปทำบุญขออโหสิกรรมกับ เจ้ากรรมนายเวร ซึ่งผู้ตายทำได้เพียงแค่สองวันก่อนพบเป็นศพ หากน้องสาวรับรู้ตนอยากบอกกับน้องสาวว่าขอให้ไปสู่ภพภูมิที่ดี
Advertisement
