รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลต้นสังกัด "หมอมีน" ยืนยันจัดเวรเหมาะสมไม่ได้เข้าสี่กะ ชาวบ้านจี้แก้ปัญหาถนนจุดเกิดเหตุ ชี้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง
จากกรณีแพทย์หญิงญาณิศา สืบเชียง หรือ หมอมีน แพทย์อินเทิร์นปี 1 ของโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา จังหวัดกาญจนบุรี ที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อช่วงเย็นวันที่ 22 มิถุนายน ที่ผ่านมา ก่อนจะเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ที่ผ่านมา ซึ่งบุคลากรในวงการแพทย์ได้ออกมาไว้อาลัยให้กับการเสียชีวิตของคุณหมอมีน
รวมถึงมีการตั้งข้อสังเกตว่าคุณหมอมีนซึ่งเป็นแพทย์จบใหม่ต้องเข้าเวรควบกะหลายชั่วโมงติดต่อกันจนร่างกายอ่อนเพลีย ก่อนจะขับรถไปประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิต โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่ากระทรวงสาธารณสุข รวมถึงโรงพยาบาลต้นสังกัดไม่ควรให้คุณหมอต้องทำงานควบกะหลายชั่วโมงติดต่อกันจนทำให้ร่างกายรับไม่ไหว เกิดความอ่อนเพลียจนอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้
ซึ่งในเรื่องนี้ นายแพทย์รักษ์พงศ์ เวียงเจริญ รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา ให้สัมภาษณ์ผ่านทางโทรศัพท์กับผู้สื่อข่าวว่า ในประเด็นที่มีการออกมาให้ข้อมูลว่าหมอมีนต้องเข้าเวรถึงสี่กะต่อเนื่องกันจนอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ร่างกายอ่อนล้าและทำให้เกิดอุบัติเหตุระหว่างการขับรถนั้น ทางโรงพยาบาลยืนยันว่าหมอมีนไม่ได้เข้าเวรสี่กะต่อเนื่องอย่างแน่นอน เพราะในปีนี้ทางโรงพยาบาลมีแพทย์อินเทิร์นปีหนึ่งจำนวน 21 คน การจัดตารางเวรของแพทย์อินเทิร์นก็มีการกระจายเวรอย่างเหมาะสม หมออินเทิร์นหนึ่งคนจะเข้าเวรดึกเพียงหนึ่งครั้ง ในช่วงสองวันจึงไม่มีโอกาสที่จะเข้าเวรต่อเนื่องสี่กะอย่างแน่นอน และทางโรงพยาบาลขอยืนยันว่ามีการวางแผนจัดตารางเวรของแพทย์อินเทิร์นอย่างเหมาะสม เพื่อไม่ให้แพทย์ทำงานหนักเกินไปจนส่งผลเสียต่อสภาพร่างกายอย่างแน่นอน
และอีกประเด็นที่มีการเรียกร้องให้มีการแก้ไขก็คือสภาพถนนบริเวณจุดที่หมอมีนเกิดอุบัติเหตุ คือบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 15–16 หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่ามอหกเขย ซึ่งเป็นถนนสองเลนแบบแล่นสวนกัน และเป็นทางขึ้นเนินสูงทำให้รถที่ขับขึ้นเนินไม่สามารถมองเห็นรถในเลนที่แล่นสวนกันมาได้ ชาวบ้านในละแวกนี้บอกว่ารถที่ขับขึ้นเนินเมื่อพ้นเนินสูงก็จะมีซอยทางด้านซ้ายมือที่มักจะมีรถออกมาจากข้างทางอยู่เป็นประจำ ถือว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้บริเวณนี้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง
นายวรรณเฉลิม จันทร์เมือง หัวหน้าหมวดทางหลวงบ่อพลอย ได้ลงพื้นที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อตรวจสอบในจุดเกิดเหตุเพื่อหาแนวทางในการปรับปรุงติดป้ายบอกเส้นทางให้มากกว่าเดิม และจะได้ดำเนินการจัดหางบประมาณติดตั้งไฟกะพริบเตือนให้ผู้ใช้รถใช้ถนนทราบ เนื่องจากประชาชนในพื้นที่จะทราบเส้นทางดี แต่หากคนนอกพื้นที่โดยเฉพาะถนนเส้นนี้มีจุดท่องเที่ยวสำคัญๆ กว่า 10 แห่งอาจจะไม่ชำนาญเส้นทางทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ โดยจะเร่งดำเนินการนำป้ายมาติดตั้งเพิ่มเป็นการเร่งด่วนต่อไป
Advertisement