วันที่ 29 มี.ค. 63 ตั้งแต่ช่วงกลางวันที่ผ่านมา ผู้ต้องขังอาศัยช่วงที่ผู้คุมเรือนจำจังหวัดบุรีรัมย์ กำลังปรับปรุงห้องกักโรคโควิด-19 ก่อเหตุเผาทำลายสถานที่ จุดแรกเริ่มที่โรงเลี้ยงอาหาร และก่อเหตุจลาจล มีผู้ที่แหกคุกหลบหนีออกไปได้ โดยเจ้าหน้าที่ระดมกำลังรถดับเพลิงเข้าฉีดสกัดเพลิงไหม้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีผู้ต้องขังก่อเหตุร่วม 100 คน
เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการปิดเส้นทางสกัดนักโทษ จุดมหาวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีบุรีรัมย์ และสนามฟุตบอลช้างอารีน่า ถนนโดยรอบเรือนจำกลางบุรีรัมย์รัศมี 2 กิโลเมตร
ทั้งนี้ ตรวจสอบความเสียหายเบื้องต้นห้องเยี่ยมญาติได้รับความเสียหาย โรงอาหารถูกเผา โรงงานฝึกอาชีพ และบริเวณเรือนนอนเสียหายทั้งหมด
เจ้าหน้าที่เรือนจำรับรายงานว่า กลุ่มของนักโทษที่ก่อจลาจลมีอาวุธเป็นจอบ เสียม และค้อน แต่ไม่มีอาวุธหนัก มีการปล้นเอาวิทยุสื่อสารของเจ้าหน้าที่ติดตัวไปด้วย ซึ่งมีการสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ออกมาเป็นระยะ ๆ พร้อมกับ ระบุว่า “ห้ามใครเข้ามา ถ้าหากมีความเคลื่อนไหวหรือพยายามเข้าถึงตัว จะใช้นักโทษชราเป็นโล่กำบัง”
ขณะที่เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้บางส่วน คัดแยกผู้ต้องขังที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ไปฝากขัง
เรือนจำเขาพริก อ.สีคิ้ว, เรือนจำคลองไผ่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา และเรือนจำจังหวัดสุรินทร์ 100 คน
จากนั้น พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์เพื่อไปยังเรือนจำจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อติดตามคลี่คลายคดี ติดตามตัวผู้ก่อเหตุทั้งหมดเพื่อดำเนินคดี
ด้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เผยความคืบหน้าว่า เรือนจำบุรีรัมย์ในพื้นที่ 9 ไร่ มีแดนเดียว ผู้ต้องขังที่มีปัญหามีประมาณ 100 คน นักโทษส่วนใหญ่กลัวเรื่องโควิด-19 ประกอบกับมีผู้ต้องขังใหม่ที่ได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิตเข้าไปปลุกปั่นให้ก่อเหตุ และมี 10 คนหลับหนีออกจากเรือนจำไปได้ ซึ่งช่วงเย็นสามารถจับกุมได้แล้ว 7 คน
ทั้งนี้ กลุ่มนักโทษที่แหกคุกอ้างว่ากลัวโควิด หลังจากเรือนจำไม่อนุญาตให้เยี่ยม นอกจากเยี่ยมทางโทรศัพท์
โดยเมื่อวันที่ 27 มี.ค. 63 เฟซบุ๊กเรือนจำจังหวัดบุรีรัมย์ โพสต์ข้อความระบุว่า "เรียน ญาติพี่น้องผู้ต้อวขังทุกท่านเนื่องจากสถานการณ์การระบาดของไวรัส COVID-19 ตามประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินจากทางรัฐบาล และเพื่อป้องกันการระบาดจากบุคคลภายนอกสู่ผู้ต้องขัง ทางเรือนจำจังหวัดบุรีรัมย์จึงยังไม่สามารถเปิดให้เข้าเยี่ยมได้ จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น..."
สำหรับการปฏิบัติการควบคุมสถานการณ์ของเจ้าหน้าที่ ชั้นในรอบรั้วเรือนจำ มีทหารและตำรวจตรึงกำลังอยู่ ส่วนบริเวณชั้นนอก ตรวจตราบนถนน ตรอก ซอก ซอย
เมื่อเวลา 17.40 น. ด้านหน้าทางเข้าเรือนจำ มีกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจตรึงแน่นหนา มีการเคลื่อนย้ายนักโทษออกจากเรือนนอน มีการเช็กชื่อนับจำนวนคน และทำการเคลื่อนย้ายนักโทษออกจากเรือนจำบุรีรัมย์ไปยังเรือนจำใกล้เคียง 3 จังหวัด
ระหว่างการเคลื่อนย้ายนักโทษ มีกลุ่มชาวบ้าน ญาติของนักโทษยืนรวมตัวกันกว่า 100 คน ญาติต่างมีความเป็นห่วงชีวิตของนักโทษที่อยู่ภายในเรือนจำ เพราะมีทั้งเปลวเพลิงและการทำลายข้าวของเกิดขึ้น กังวลว่าเจ้าหน้าที่จะใช้ความรุนแรงเพื่อควบคุมสถานการณ์หรือไม่
นางสาวสุนัย อายุ 50 ปี แม่ของผู้ต้องขังคดีอนาจารเด็ก ถูกจำคุก 1 ปี และญาติ ยืนร้องไห้ ตะโกนหาลูกชาย ขณะที่มีการเคลื่อนย้ายนักโทษ พร้อมเปิดเผยว่า ตนเองทราบข่าวว่ามีการก่อจลาจลขึ้น มีเสียงปืน ตนเองจึงรีบมาเฝ้ารอที่หน้าเรือนจำ วิตกกังวลว่าลูกจะได้รับอันตรายหรือไม่ กลัวว่าลูกชายจะได้รับบาดเจ็บ จึงเฝ้ามองจนกว่าจะเห็นว่าลูกปลอดภัย
"ช่วงโรคโควิค-19 ระบาด ตนไม่ได้แวะมาเยี่ยมลูกชาย แต่พอมาเจอกับเหตุการณ์นี้จึงกังวลมากขึ้น ส่วนตัวเชื่อว่าลูกชายเป็นนักโทษชั้นดี จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อจลาจล พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ ให้ปลอดภัย" แม่ของผู้ต้องขัง กล่าว
อีกครอบครัวของนักโทษ ยืนแสดงความดีใจ ยกนิ้วโป้งให้กับเจ้านาที พร้อมกล่าวว่า “ขอบคุณมากที่ทำให้ลูกปลอดภัย น่าจะทำแบบนี้ตั้งแต่แรกแล้ว” พร้อมเปิดเผยกับทีมข่าวว่า รู้สึกดีใจ เห็นว่าลูกชายปลอดภัยระหว่างการเคลื่อนย้าย กำลังถูกนำตัวส่งไปที่เรือนจำใกล้เคียง อย่างน้อยก็ทำให้ยิ้มได้ มีความอุ่นใจว่าลูกชายปลอดภัย ไม่ได้รับอันตราย
"ฝากขอบคุณเจ้าหน้าที่ และขอให้มีกำลังใจทำงานต่อไป เร่งช่วยเหลืออีก 2,000 ชีวิต ให้ออกมาปลอดภัย แม้ว่าการทำงานจะล่าช้า แต่อย่างน้อยสามารถเร่งระบาย นำนักโทษออกมาได้บางส่วนก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี อย่างไรก็ตาม อยากจะประณามการกระทำของกลุ่มที่ก่อจราจลว่าเป็นการกระทำสิ้นคิด ทำให้คนอื่นได้รับความเดือดร้อน" ญาติของนักโทษ กล่าว
โดยก่อนหน้านี้ กลุ่มนักโทษรวมตัวกันที่โรงอาหารกว่า 100 คน ก่อนจะก่อเหตุจลาจลทุบทำลายข้าวของในห้องเยี่ยมญาติ เผาโรงอาหาร โรงฝึกอาชีพ และเรือนนอน แล้วมี 10 นักโทษที่หลบหนีออกไปจากเรือนจำได้
ภาพจากกล้องวงจรปิด บันทึกเหตุการณ์ขณะกลุ่มนักโทษที่หลบหนีออกจากเรือนจำ บุกเข้าไปที่ห้องพักของชาวบ้าน ขโมยเสื้อผ้าเปลี่ยน และชิงรถจักรยานยนต์ขับขี่ซ้อนท้ายหลบหนีไป
Advertisement