ผัวตายเมียโคม่าหลังกิน ”ยาต้มครอบจักรวาล” เพื่อนแนะห้ามไป รพ. หวั่นยาหมอตียาหม้อ (คลิป)
วันที่ 13 มิ.ย.63 ตำรวจ สน.แสมดำ รับแจ้งเหตุมีผู้เสียชีวิตภายในหมู่บ้านพระปิ่น 5 ถนนเอกชัย ซอย 109 แขวงและเขตบางบอน ที่เกิดเหตุภายในบ้านบนโซฟาไม้ชั้นล่างพบศพ นายพงษ์เทพ พงษ์พิพัฒน์ อายุ 59 ปี เจ้าหน้าที่สำนักงานเทศกิจเขตทุ่งครุ สภาพนอนตะแคงขวาใช้มือขวาหนุนศีรษะ ลืมตา และอ้าปากค้าง มีน้ำลายฟูมปาก
คอนเทนต์แนะนำ
นอกจากนี้ยังพบผู้หมดสติทราบชื่อ นางจำนันท์ แก้วบรรจง อายุ 55 ปี ซึ่งเป็นภรรยาและเป็นแม่ค้าข้าวแกง ถูกนำส่ง รพ.หลวงพ่อทวีศักดิ์ ทำการล้างท้องอาการปลอดภัย
นางสิรินดา มณีเลิศ อายุ 63 ปี เพื่อนสนิทของสองสามีภรรยา บอกว่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 11 มิ.ย. เวลาประมาณ 5.00 น. นางจำนันท์ คนเจ็บ เข้ามาหาตนเพื่อขอยืมถุงพลาสติก และเล่าว่ากำลังจะไปกินยาหม้อกับพระสงฆ์รูปหนึ่งใน จ.อุทัยธานี
โดยยาหม้อดังกล่าวเป็นยาดี มีสรรพคุณกินแล้วไม่ปวดไม่เมื่อย และสามารถแก้โรคได้ทุกอย่าง ”เป็นยาครอบคลุมจักรวาล ”ซึ่งทำมาจากน้ำผึ้งเดือน 5 ผสมกับสมุนไพร โดยต้องไปเก็บมาจากบนภูเขาก่อนจะนำมาต้ม และหนึ่งปีมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งคนที่เคยไปรักษา พอกินแล้วหายดีขึ้นหลายคน
จากนั้นมีผู้ชาย 2 คน โดยหนึ่งในนั้นเป็นเพื่อนของผู้ตาย ขับรถเก๋งสีทองเข้ามารับนางจำนันท์ กับนายพงษ์เทพ ออกไปด้วย และไปค้างที่ต่างจังหวัดหนึ่งคืน กระทั่งเมื่อวานนี้ เวลา 16.00 น. นายน้อย เพื่อนที่อยู่บ้านตรงข้ามสังเกตเห็นว่า รถเก๋งคันเดิมขับรถมาส่งที่หน้าบ้าน และกำลังหิ้วปีกนายพงษ์เทพ ซึ่งมีสภาพเหมือนคนเมาเละเทะ เดินเองไม่ได้ ส่วนนางสุนันท์ เดินเข้าไปในบ้านเองได้ แต่มีสภาพสะลึมสะลือ และเดินโซเซเหมือนคนเมา
กระทั่ง เวลาประมาณ 17.00 น. ลูกสาวของเพื่อนตนมีท่าทีร้อนรน และบอกให้ไปดูสภาพนางสุนันท์ กับนายพงษ์เทพ โดยนางสุนันท์มีอาการอาเจียน ส่วนนายพงษ์เทพ อุจจาระราด และปัสสาวะรดตัวเอง ด้วยเหตุนี้ลูกสาวจึงโทรไปหากู้ภัย แต่นางสุนันท์กลับมีท่าทีดื้อดึงไม่ยอมไปโรงพยาบาล จนตนต้องเกลี้ยกล่อมบอกว่า ผู้ตายนอนแน่นิ่งแล้ว นางสุนันท์จึงเอื้อมมือไปจับผู้ตาย และพบว่าชีพจรไม่เต้นแล้ว ส่วนนางสุนันท์อาการก็เริ่มไม่ไหวแล้ว อยู่ในสภาพมีเบ้าตาดำ ปากดำซีด เหมือนคนโดนของ
เวลาประมาณ 19.00 น. ทางลูกสาวได้เรียกให้กู้ภัยเข้ามา และพบว่านายพงษ์เทพเสียชีวิตแล้ว ส่วนนางสุนันท์ได้พาไปส่งที่โรงพยาบาล เพื่อให้ยาฆ่าเชื่อ และนำเลือดไปตรวจจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รู้สึกตกใจมาก เพราะตนก็เกือบจะไปด้วย แต่โชคดีที่ติดขายของจึงไม่ได้ไป
อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้ตามจับให้ได้ว่าทำไม่กินแล้วถึงมีอาการเช่นนี้ ส่วนคนที่พาไป ตนเชื่อว่าไม่น่าจะหลอกผู้ตาย เพราะเคยทำงานที่เดียวกันกับผู้ตาย แต่อยากให้ออกมาดูแล และอยากให้ออกมารับผิดชอบ
น.ส.ปราง อายุ 30 ปี และนายเป๋ง อายุ 27 ปี ลูกสาวและลูกชายผู้เสียชีวิต บอกว่า พ่อและแม่มีโรคประจำตัว โดยพ่อเป็นโรคหัวใจ ส่วนแม่เป็นโรคความดัน แต่ร่างกายแข็งแรงดี เพราะไปหาหมอตลอด กระทั่งเมื่อ 2 วันก่อน พ่อกับแม่โทรมาบอกตนว่าจะไปจังหวัดอุทัยธานี เพื่อที่จะไปกินน้ำผึ้งเดือนห้า และบอกว่าไปค้างทั้งหมด 1 คืน แต่ไม่ได้เอะใจอะไร และคิดว่าพ่อกับแม่คงจะไปเที่ยวกับเพื่อน จากนั้นพ่อกับแม่ได้ส่งรูปภาพของคนอื่นมาให้ดู เหมือนคนนอนทำพิธีบางอย่างอยู่ แต่ไม่แน่ใจว่าทำพิธีอะไร
จากนั้น เวลาประมาณ 17.00 น. ตนได้กลับมาที่บ้าน และเห็นว่าพ่อนอนที่ประตูหน้าบ้าน แต่ไม่ได้เอะใจอะไร จึงเดินขึ้นไปที่ขั้นสองของบ้าน จากนั้นไม่นานเมื่อตนลงมาที่ชั้นล่างพบว่าพ่อลุกขึ้นมานั่ง และอยู่ในสภาพอุจจาระราด เหมือน “ธาตุแตก” และพยายามถอดกางเกงอยู่ พร้อมกับบอกว่ารู้สึกร้อน ส่วนแม่อาเจียนเป็นน้ำสมุนไพรสีน้ำตาล ออกสีเหลืองอ่อน มีใบหน้าโทรม แต่ยังไม่ได้คล้ำมาก กระทั่งเวลาประมาณ 18.00 น. พ่อเริ่มนอนแน่นิ่ง ตาลอย ตาโบ๋ หน้าตอบ ผิวเริ่มซีดเหลือง แม่จึงคลานไปหาพ่อ ในสภาพที่หน้าช้ำแดง
ทั้งนี้ตนเห็นท่าไม่ดี จึงพยายามเกลี้ยกล่อมให้ไปโรงพยาบาล แต่แม่กลับบอกให้โทรถามเพื่อนของพ่อที่ชื่อ นายเอก โดยนายเอกกล่าวกับตนว่า ปล่อยเป็นตามธรรมชาติ และให้เช็ดตัว กับดื่มน้ำอุ่น พร้อมกับกล่าวว่า “อย่าไปโรงพยาบาล เดี๋ยวตัวยาของหมอ จะมาตีกับสมุนไพรที่กินไป”
จากนั้นได้พาแม่ไปที่โรงพยาบาล และพบว่าความดันอยู่ในระดับที่ย่ำแย่ มีสภาวะไตวาย กระทั่งเมื่อเช้านี้แม่เริ่มอาการดีขึ้น และตอนนี้เริ่มถามตอบได้ แต่ต้องรอผลตรวจภายในอยู่ว่ามีสารอะไรตกค้างในร่างกาย จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเชื่อว่า อาจจะเกิดจากยาหม้อด้วยส่วนหนึ่ง เพราะพ่อกับแม่เป็นคนที่สุขภาพร่างกายแข็งแรง ทั้งนี้ อยากให้นายเอก เพื่อนของพ่อออกมารับผิดชอบ และออกมาชี้แจงว่าพาพ่อกับแม่ไปทำอะไร และทำไมถึงชักชวนให้ไปกินยาหม้อ
Advertisement
