จากกรณี วันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตำรวจ สน.แสมดำ รับแจ้งเหตุมีผู้เสียชีวิตและมีหมดสติภายในบ้านพัก ผู้เสียชีวิตชื่อ นายพงษ์เทพ พงษ์พิพัฒน์ อายุ 59 ปี เจ้าหน้าที่สำนักงานเทศกิเป็นเจ้าหน้าที่เทศกิจเขตทุ่งครุ สภาพศพ สวมเพียงกางเกงขาสั้นลายดำขาว สภาพนอนตะแคงขวา ใช้มือขวาหนุนศีรษะ ลืมตา และอ้าปากค้างมีน้ำลายฟูมปาก
ส่วนภรรยาคือนางจำนันท์ แก้วบรรจง อายุ 55 ปี หมดสติ ถูกหามส่งรพ.ล้างท้องช่วยทัน ล่าสุดอาการปลอดภัยแล้ว
สืบเนื่องจาก วันที่ 11 มิ.ย.63 นายพงษ์เทพ และนางจำนันท์ เดินไปทางสำนักสงฆ์ จ.อุทัยธานี เพื่อกินยาหม้อสมุนไพร ตามคำชักชวนของเพื่อน 2 คน
วันที่ 12 มิ.ย.63 เพื่อนขับรถสองผัวเมียมาส่งที่บ้าน แต่นายพงษ์เทพ มีสภาพคล้ายคนเมา เดินเอียง ควบคุมตัวเองไม่ได้ต้องให้คนช่วยประคองเข้าบ้าน เช่นเดียวกับนางจำนันท์ มีอาการ สลึมสะลือ เดินโซเซ
วันเดียวกันช่วงเย็น นายพงษ์เทพ เกิดอาเจียนอย่างหนัก ส่วนางจำนันท์ อุจจาระ-ปัสสาวะราด
จากนั้น ทางลูกสาวได้เรียกให้กู้ภัยเข้ามา และพบว่านายพงษ์เทพเสียชีวิตแล้ว ส่วนนางสุนันท์ นำตัวพาไปส่งที่โรงพยาบาล เพื่อให้ยาฆ่าเชื่อและนำเลือดไปตรวจ
วันที่ 15 มิ.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ลงพื้นที่ไปยัง สำนักสงฆ์แห่งหนึ่ง ต.แก่นมะกรูด อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี พบกับชาวบ้าน 2 คน พาทีมข่าวเดินดูจุดที่มีการอบสมุนไพร ซึ่งเป็นห้องขนาดเล็ก มีท่อต่อเข้าไปในห้องมีจานรองไอน้ำ ด้านในมีเก้าอี้เล็ก ๆ ด้านหลังมีหม้อสมุนไพร และมีเตาไฟแบบชาวบ้าน ซึ่งจุดนี้ มีไว้สำหรับคนที่กินสมุนไพรหนาวเดือนห้า และจะมาอบเพิ่มเติมขับสารพิษเท่านั้น
ชาวบ้านทั้ง 2 คน บอกว่า ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง จึงไม่เคยกินยาสมุนไพร "หนาวเดือนห้า" เพราะยาแรง แต่เคยเห็นคนที่กินมีอาการหนาวสั่น ไม่มีเรี่ยวแรงหลายคน ส่วนกรณีสองสามีภรรยาที่เดินทางมากินยาหม้อนั้น ไม่เคยเห็นหน้า เพราะเวลากินน้ำสมุนไพร เจ้าอาวาสจะต้มให้กินที่กุฏิ
พระอาจารย์ปาน สันตมโน อายุ 47 ปี พระในสำนักสงฆ์ บอกว่า เวลาชาวบ้านจะมากินน้ำสมุนไพร "หนาวเดือนห้า" ส่วนใหญ่จะเป็นคนนอกพื้นที่ ก่อนจะมาจะนัดเจ้าอาวาสก่อนทุกครั้ง แต่เวลากินน้ำสมุนไพรเจ้าอาวาสเป็นคนต้ม ส่วนผสมมีรากไม้ แก่นไม้ และสมุนไพรหลากชนิด ส่วนจะชนิดไหนบ้างต้องถามเจ้าอาวาส แต่ที่ทราบเจ้าอาวาสจะถามชาวบ้านที่มากินน้ำสมุนไพรทุกครั้งว่ามีโรคประจำตัวอะไรไหม เพราะสมุนไพรหนาวเดือนห้า กินแล้วจะหนาว จึงอยากเตือนว่าถ้ามีโรคประจำตัวอย่ากิน
ส่วนสองสามีภรรยาที่มากินแล้วกับไปภรรยาอาการโคม่า และสามีเสียชีวิต น่าจะร่างกายไม่พร้อมและมีโรคประจำตัวติดมาและสุขภาพคงไม่พร้อมทำให้มีอาการดังกล่าว โดยทางสำนักสงฆ์บริสุทธิ์ใจ พร้อมให้ตรวจสอบน้ำสมุนไพร และยืนยันว่าที่ผ่านมาไม่เคยมีใครเสียชีวิตจากการกินน้ำสมุนไพร
นายเผล ขอสุข อายุ 76 ปี ชาวบ้านที่เคยกินยาสมุรไพรหนาวเดือนห้า บอกว่า ตนเคยกินสมุนไพร หนาวเดือนห้า ตอนอายุ 43 ปี ตอนนั้นร่างกายจากคนแข็งแรง ยังเกือบตาย กินไป 1 แก้วกาแฟ ไม่ถึง 5 นาที น้ำลายฟูมปาก และมีอาการปัสวะบ่อย แต่ตนไม่ถ่ายท้อง แต่ที่หนักสุดคือจะรู้สึกเย็นจากในท้อง ห่มผ้าหนา ๆ ยังไม่หายหนาวต้องใส่เสื้อหนา ๆ และห่มผ้าตลอด เหงื่อไหลออกเยอะมาก ใช้เวลา 6 ชั่วโมงถึงจะดีขึ้น แต่บางคนอาจเป็นวันถึงจะหาย แต่หลังจากนั้นรู้สึกว่าร่างกายจะกระปี้กระเป่า แข็งแรงไม่ปวดข้อหรืออะไร
ทั้งนี้ อยากเตือนคนที่จะมากินยาสมุนไพรหนาวเดือนห้า ถ้าเป็นคนสูงวัย หรืออายุ 60 ขึ้นไป ไม่จำเป็นต้องกิน เพราะถ้ากินอาจจะต้านฤทธิ์ยาไม่ไหว และถ้าคนมีโรคประจำตัวมากินยาตัวนี้ จะขับถ่ายโรคออกจนหมด จะเหงื่อไหล หนาว และถ่าย ปัสสาวะ อุจจาระ อาการแบบนี้คือปกติ ส่วนกรณีสองสามีภรรยาที่มากิน เชื่อว่าร่างกายของผู้ตายและภรรยาที่หมดสติคงรับตัวยาไม่ไหว จนเกิดอาการผิดปกติ
วันเดียวกัน หน่วยงานสาธารณสุขอุทัยธานี ฝ่ายปกครององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสภ.บ้านไร่ ลงพื้นที่ไปที่สำนักสงฆ์ดังกล่าว โดยได้เข้ากราบนมัสการพระเวียโพ่ย สันธโร เจ้าสำนักสงฆ์บ้านใหม่คลองอังวะ ต.แก่นมะกรูด อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี และขอพบมหาสุนทร อายุสุปุนโย อายุ 62 ปี พระผู้เป็นผู้รักษายาสมุนไพร แต่ไม่อยู่ที่สำนักสงฆ์ โดยไม่มีใครรู้ว่าไปไหนและไม่ได้แจ้ไว้
โดยหายไปตั้งแต่เช้าวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตรวจสอบกุฏิของพระมหาสุนทร ไม่พบสมุนไพรที่นำมาทำยาหนาวเดือนห้า พบเพียงแต่สมุนไพรอย่างอื่นจึงได้บันทึกไว้เป็นเพียงหลักฐาน ซึ่งการตรวจสอบในครั้งนี้เพื่อเป็นการตรวจสอบว่าสำนักสงฆ์แห่งนี้มีการเปิดเป็นสถานที่แพทย์แผนไทยอย่างไรหรือไม่ หรือมีการกระทำผิดใด ๆ หรือไม่ แต่ไม่ปรากฏหลักฐานว่ามีการเปิดแพทย์แผนไทย หรือมีการใช้สมุนไพรที่ไม่ได้รับอนุญาต
พระเวียโพ่ย เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์บ้านใหม่คลองอังวะ บอกว่า พระมหาสุนทร อายุสุปุนโย เป็นพระลูกวัด ซึ่งเป็นผู้ที่ทำยาสมุนไพรที่ชื่อว่ายาหนาวเดือนห้า โดยผู้ที่รักษานั้นจะต้องเดินทางมาเพื่อกินยาที่วัดแห่งนี้เท่านั้น และที่ผ่านมานั้นก็มีคนมารักษาโดยการดื่มยาสมุนไพรที่ชื่อว่ายาหนาวเดือนห้ากันพอสมควร แต่ก็ไม่มีคนเป็นอะไร แต่ทางวัดนั้นไม่รู้เห็นเกี่ยวกับการทำยาสมุนไพรนี้ รู้เพียงแต่ว่าทางพระพระมหาสุนทร เป็นผู้คิดค้นสูตรยานี้ ส่วนค่ารักษาไม่ได้เรียกเก็บแต่อย่างใด
Advertisement