แรมโบ้ ชี้พิรุธจัดฉากฆ่าพยานปากเอกคดี "บอส" กู้ภัยเผยนาทียื้อชีวิต ยันเป็นอุบัติเหตุ (คลิป)

จากเหตุการณ์ นายจารุชาติ มาดทอง อายุ 40 ปี พยานคนสำคัญในคดี "บอส อยู่วิทยา" เสียชีวิตจากเหตุรถจักรยานยนต์ชนกับรถจักรยานยนต์ของนายสมชาย ตาวิโน อายุ 50 ปี เมื่อเวลาประมาณ 01.30 น. ของเช้าวันที่ 30 ก.ค.63 ที่ผ่านมา บริเวณแยกฟ้าธานีถนนห้วยแก้วในตัวเมืองเชียงใหม่

คอนเทนต์แนะนำ

สืบ 7 เดือน! ดับฝัน “ป้าติ๋ม” รับมรดก 100 ล้าน ของแหม่มชาวฝรั่งเศส

กำนันท้ายบ้าน เผย นาทีก่อนมือปืนออกไปกราดยิง 4 ศพ

ศาลไม่ให้ประกัน "สามารถ" ส่งเข้าเรือนจำ- "แม่" ได้ประกัน 5 แสน

ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้ความสำคัญกับคดีความที่อยู่ในความสนใจของประชาชน สั่งเจ้าหน้าที่อายัดศพนายจารุชาติ และมีการรื้อคดีเพื่อสวบสวนอีกครั้ง

ล่าสุดวันที่ 4 ส.ค.63 พ.ต.อ.สุรโชค เจษฎาเดช หรือ สารวัตรแรมโบ้ ประธานมูลนิธิป้องกันต่อต้านอาชญากรรมและยาเสพติด เปิดเผยถึงข้อสงสั การสั่งไม่ฟ้องคดีของนายวรยุทธ อยู่วิทยา ว่าเรื่องความเร็วขณะนายบอสขับรถ พนักงานสอบสวน ตำรวจ และผู้เชี่ยวชาญออกมาเปิดเผยว่าความเร็วที่นายบอสขับขี่จนชนตำรวจเสียชีวิตคือ 177 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่ต่อมาพนักงานสอบสวนและอัยการส่งไม่ฟ้อง กลับปรับเปลี่ยนความเร็วเหลือเพียง 70 กว่า กิโลเมตร/ชั่วโมง จุดนี้ถือว่าสร้างความแคลงใจให้กับสังคมไทยและสังคมโลก

และรถระดับนี้เป็นไปได้ยากที่จะขับในความเร็วนั้น ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนและตำรวจผู้ที่ดูแลคดีนี้กลับปล่อยให้หลายข้อหาขาดอายุความ คดีนี้พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกนายบอส ถึง 7 ครั้ง ทั้งที่จริงแล้วแค่ออกหมายเรียกเพียง 2 ครั้ งก็สามารถออกหมายจับได้แล้ว ขณะเดียวกันมีการออกหมายจับภายหลังเกิดเหตุนานถึง 7 ปี ยังไม่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาหรือไม่มีการไปตามจับผู้ต้องหาอย่างจริงจัง ภายหลังการสั่งไม่ฟ้องก็มีการดำเนินการถอนหมายจับอย่างรวดเร็ว

ส่วนตัวเชื่อว่าคดีใหญ่ขนาดนี้ พยานหลักฐานน่าจะมีมาตั้งแต่ช่วงแรก ตนคิดว่าพยานหลักฐานน่าจะหมดไปตั้งแต่ช่วงแรกแล้ว ไม่น่าจะมาเกิดหลังฐานพยานใหม่ 7 ปีหลังเกิดเหตุ ซึ่งตอบสังคมลำบาก รวมถึงกล้องวงจรปิดก็เป็นพิรุธ เนื่องจากจุดที่เกิดอุบัติเหตุ ภาพกลับไม่ชัดเพียงแค่จุดเดียว

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ กล่าวว่า เรื่องการสอบคดีของ "บอส อยู่วิทยา" ต้องฟังคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ได้มีการแต่งตั้งขึ้นมา โดยในวันนี้รอคณะกรรมการชุด อ.วิชา มหาคุณ ส่งรายงานเข้ามา ซึ่งเมื่อวานก็ตั้งคณะทำงานขึ้นมาอีก 4 คณะ

ช่วงบ่ายวันนี้ พล.ต.ต.ดิเรก ธนานนท์นิวาส ผบก.ศพฐ.5 นำตํารวจพิสูจน์หลักฐานเดินทางมาประชุม และพันตำรวจโทเอนก ชัยวงศ์ รองผู้กำกับหัวหน้างานสอบสวน และพนักงานสอบสวน ตรวจเก็บพยานหลักฐานเพิ่มเติมประกอบสำนวนคดี และเดินทางมาจำลองเหตุการณ์เพื่อใช้เป็นแนวทางในการตรวจสอบความเร็วของรถจักรยานยนต์ทั้ง 2 คัน โดยอ้างอิงจากคลิปกล้องวงจรปิด

นางตา วังมูล แม่ผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ตนทราบข่าวเรื่องผลชันสูตรรอบ 2 ก็รู้สึกโล่งใจ หลังผลออกมาว่าไม่พบร่องรอยการทำร้ายร่างกาย เพราะส่วนตัวเชื่อตั้งแต่แรกว่าลูกชายเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ ลูกชายน่าจะดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปเยอะ และขับรถชนเอง เพราะปกติลูกชายเป็นคนชอบดื่มเหล้าแล้วจะขับรถเร็ว ส่วนลูกสาววัย 15 ปีของนายจารุชาติได้กลับไปเรียนตามปกติเป็นวันแรกแล้ว ดูซึมหลังพ่อเสียชีวิต ตนเองก็บอกให้หลานตั้งใจเรียน และตั้งใจจะส่งให้หลานสาวเรียนตามกำลังความสามารถที่มี เพราะนายจารุชาติเคยบอกว่าอยากให้ลูกสาวเรียนสูง ๆ จะได้มีงานดี ๆ ทำ

นายทนง พันธ์ศรี อายุ 35 ปี เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิรวมใจ จ.เชียงใหม่ เล่าว่า วันเกิดเหตุเวลา 01.45 น. ได้รับแจ้งจากศูนย์สั่งการว่าเกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนกันบริเวณแยกฟ้าธานี ถนนห้วยแก้วในตัวเมืองเชียงใหม่ ตนพร้อมอาสาอีก 1 คนรีบเดินทางไปถึงที่เกิดเหตุภายใน 3 นาที เมื่อไปถึงพบว่ามีคนเจ็บ 2 ราย รายแรกคือ นายจารุชาติ ซึ่งนอนแน่นิ่งอยู่บนถนนห่างฟุตพาท ประมาณ 1-2 เมตร ถัดไปประมาณ 6 เมตรคือนายสมชาย ที่นอนอยู่ข้างเกาะกลางถนน

ตนรีบเข้าไปดูนายจารุชาติที่นอนแน่นิ่งไม่มีชีพจร มีเลือดออกบริเวณปากกับจมูก ไม่ได้สังเกตบาดแผลบริเวณอื่นที่ใบหน้า โดยได้ช่วยปั๊มหัวใจประมาณ 5 นาที ก่อนส่งต่อให้กับรถพยาบาลไปดำเนินการต่อที่โรงพยาบาล ซึ่งขณะนั้นตนไม่ได้กลิ่นแอลกอฮอล์เพราะใส่หน้ากากอนามัยปิดจมูกไว้

หลังจากนั้น ได้เข้าไปช่วยนายสมชาย ที่มีแผลถลอกบริเวณแก้มด้านซ้าย และหน้าผากซ้าย ตนเรียกนายสมชายจนลุกขึ้นมานั่งได้ ซึ่งสภาพขณะนั้นนายสมชายดูมีอาการมึนเมา ไม่ค่อยมีสติ ประเมินอาการบาดเจ็บเล็กน้อย กระทั่งตนนำตัวไปส่งที่โรงพยาบาล พบว่าสามารถพูดคุยได้ ช่วงที่ตนเข้าไปในที่เกิดเหตุก็เห็นรถจักรยานยนต์ของผู้บาดเจ็บทั้ง 2 คนล้มอยู่ข้างตัว ไม่พบสิ่งผิดปกติ จึงคิดว่าเป็นอุบัติเหตุ