จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พุนพิน พร้อมด้วยศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 8 เจ้าตรวจสอบบ้านพักไม่มีเลขที่ภายในสวนยางพารา พื้นที่ ม.6 ต.บางงอน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อเวลา 21.00 น. ของวันที่ 14 ก.ย.63 หลังรับแจ้งมีเหตุฆ่ากันตายที่บ้านหลังดังกล่าว
ในที่เกิดเหตุเป็นบ้านพักขนาด 4x7 เมตร กันผนังและมุงหลังคาด้วยสังกะสี พบเด็กหญิงเอ (นามสมมติ) อายุ 3 ขวบเศษ นอนเสียชีวิตอยู่ใกล้ประตูทางเข้าภายในบ้านติดกับที่นอน มีบาดแผลที่คอด้านซ้ายเป็นแผลลึก เลือดเปื้อนไปทั้งตัว
วันที่ 15 ก.ย. 63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่มายังจุดเกิดเหตุ เป็นบ้านมุงด้วยสังกะสีชั้นเดียว ตัวบ้านได้ปิดประตูใส่กุญแจไว้ ที่บริเวณหน้าบ้านมีแคร่ไม้ และผ้าปูที่นอนวางไว้ ที่ประตูหน้าบ้านมีรองเท้าของเด็กหญิงวัย 3 ขวบที่เสียชีวิต และที่ด้านข้างบ้านมีราวตากผ้า ที่ตากชุดนักเรียนผู้หญิงเอาไว้ รอบบ้านผู้ตายเป็นสวนยางพารา อยู่ห่างจากชุมชนประมาณ 1 กิโลเมตร
เวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พุนพิน ได้พาตัวนายสาทิตย์ (สงวนนามสกุล) พ่อของผู้เสียชีวิต และเป็นสามีของผู้ก่อเหตุ มาหาหลักฐานที่ภรรยาใช้ก่อ มีดทำครัว นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบส้อม 1 คัน ในที่เกิเหตุที่ติดคราบเลือด ซึ่งได้นำไปตรวจพิสูจน์หลักฐานเรียบร้อยแล้ว
เมื่อนายสาทิตย์พาเจ้าหน้าที่ตำรวจ มาถึงบ้านที่เกิดเหตุ ก็ได้เข้าไปชี้จุดว่าวันเกิดเหตุนั้น มีใครนอนที่จุดไหนของที่นอนบ้าง โดยเมื่้อเปิดประตูเข้าไปบ้านที่เกิดเหตุ จะพบกับที่นอน 1 อัน มีคราบเลือดติดบนที่นอนและพื้น
โดยเป็นจุดที่ ด.ญ.เอ ผู้เสียชีวิต นอนกับ น.ส.บุผา แม่ผู้ก่อเหตุ ถัดจากที่นอนไปด้านบนติดกับโทรทัศน์ เป็นจุดที่นายสาทิตย์นอนกับ ด.ญ.บี ลูกสาวคนโตวัย 8 ขวบ โดยทั้งสองคนพากันนอนในมุ้ง และหันหน้าไปดูโทรทัศน์ ลักษณะการนอนศีรษะนายสาทิตย์ชนกับน.ส.บุผา ส่วนศีรษะ ด.ญ.บี ชนกับ ด.ญ.เอ
ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ค้นหาหลักฐานอาวุธมีด นายสาทิตย์ ได้นำธูป 1 ดอก นมเปรี้ยว 1 กล่องที่ ด.ญ.เอ ชอบกิน มาวางที่ประตูหน้าบ้าน พร้อมกับเรียกว่า "มากินนมนะลูก ตั้งแต่เช้าลูกยังไม่ได้กินอะไรเลย พ่อไม่ได้กลับมา พ่อยุ่งอยู่"
หลังจากเรียกวิญญาณน้องเอ นายสาทิตย์ได้เดินไปหา ด.ญ.บี อายุ 8 ขวบ ลูกสาวคนโต บอกว่า "ต่อไปนี้เราคงต้องนอน 2 คนแล้วนะลูก" จากนั้นนายสาทิตย์ได้พูดสั้น ๆ ว่า "ตนเองไม่เคยมีปัญหากับภรรยา ที่ผ่านมาตนและภรรยารักกันดี"
นายสามิตย์ เล่าเหตุการณ์ว่า ตอนเกิดเหตุเวลาประมาณ 20.00 น. ตนเองนอนดูโทรทัศน์กับ ด.ญ.บี พี่สาวของด.ญ.เอ ในมุ้ง และตนกับภรรยานอนเอาศีรษะชนกัน ส่วนลูกทั้ง 2 ก็นอนเอาศีรษะชนกัน
จากนั้น น.ส.บุผา ภรรยาของตนเองก็มีอาการเครียด หลอน กระวนกระวาย พร้อมพูดขึ้นมาว่า ให้ตนระวังตัวไว้ จะมีคนมาฆ่ายกครัว จากนั้นตนก็บอกภรรยาว่าไม่มีใครมาทำอะไรและบอกให้ภรรยานอนพักผ่อน เพราะความคิดภรรยาตนตอนนั้นเริ่มเลอะเลือนแล้ว ส่วน ด.ญ.เอ ลูกสาวของตนเองเขาเป็นคนนอนหลับลึก และเขาก็หลับสนิทแล้ว ตนก็ดูโทรทัศน์ต่อและนึกว่าภรรยาจะนอนหลับแล้ว
ตนหันมามองภรรยาอีกที ก็เห็นจับมีดทำครัวมากรีดคอตัวเอง จนเกิดบาดแผล ตนจึงกระชากมีดออกจากมือภรรยา ส่วนภรรยาตนเองก็มีอาการเหม่อลอย ไม่พูดจา และตนก็ไม่รู้ตัวว่าลูกสาวคนเล็กถูกกรีดคอจนเสียชีวิตแล้วเหมือนกัน กระทั่งตนหันไปมองเห็นมีเลือดที่บริเวณคอและหมอน ระหว่างนั้นตนจึงรีบวิ่งไปอุ้มลูกสาวคนโตออกไปข้างนอกบ้าน เพราะไม่อยากให้เขาเห็นภาพเหตุการณ์ที่ไม่ดี ภรรยาก็เอาส้อมมาแทงคอตัวเองอีก จนตนต้องวิ่งไปกระชากออก เอาเชือกมามัดมือภรรยาไว้ จากนั้นประมาณ 30 นาที เจ้าหน้าที่ตำรวจก็มาถึงที่เกิดเหตุ
นอกจากนี้ ภรรยาตนเองไม่เคยมีประวัติการป่วยทางจิตเวช ไม่เคยมีประวัติยาเสพติด ในความคิดของตัวเองคิดว่าภรรยาต้องการเอาชีวิตคนในครอบครัวไปทั้งหมด เพราะเขาเป็นคนรักครอบครัวมาก
ถ้าหากภรรยาโดนโทษประหาร ตนเองก็ปล่อยไปตามเวรตามกรรม ตนเองก็ได้ให้กำลังใจภรรยาว่าถ้าติดคุกไปอยู่ในเรือนจำ ก็อยากให้รีบทำความดี จะได้อภัยโทษ และออกมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเร็ว ๆ ภรรยาตนก็พยักหน้า และน้ำตาไหล ส่วนค่ำวันนี้ตนเองก็จะพาลูกสาวคนคนกลางไปนอนที่โรงพัก เนื่องจากตอนนี้สภาพจิตใจย่ำแย่ ไม่กล้าที่จะนอนที่บ้าน
นายวิละ พิจารณ์ เพื่อนผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนแทบไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง ตนรู้จักผู้ก่อเหตุมา 3 ปี ที่ผ่านมาตนก็เห็นครอบครัวของผู้ก่อเหตุเขารักกันดี ไม่เคยมีปัญหากัน ส่วนผู้ก่อเหตุก็เป็นคนพูดจาดี นิสัยดี ไม่เคยมีอาการเหม่อลอย หรืออาการหลอนแบบนี้ แต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สังเกตเห็นคนก่อเหตุไปรับลูกที่โรงเรียน มีอาการเหม่อลอย พูดจาคนเดียว บ่นคนเดียว ซึ่งตนก็แปลกใจ ถามว่าพูดกับใคร เขาก็บอกว่าไม่ได้พูด ส่วนปมที่ก่อเหตุ ตนคิดว่าช่วงนี้เขาน่าจะมีอารมณ์เครียดเรื่องการเงิน และการงาน เนื่องจากช่วงนี้ฝนตกทุกวัน กรีดยางไม่ได้ จึงทำให้รายได้ขาดหาย
นายถาวร เกื้อด้วง อดีตกำนัน ต.บางงอน กล่าวว่า เมื่อคืนนี้หลังเกิดเหตุ ตนก็ได้มาที่เกิดเหตุพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตนเห็นว่า น.ส.บุผา ไม่ได้พูดคุยอะไร อยู่ในอาการตัวสั่น ส่วนสามีผู้ก่อเหตุเดินวนเวียนรอบบ้าน และร้องไห้ ส่วน ด.ญ.บี วัย 8 ขวบ นั่งร้องไห้อยู่ที่หน้าบ้าน ส่วนปมก่อเหตุตนเองก็ไม่ทราบข้อมูลที่แน่ชัด เนื่องจากไม่สนิทกับครอบครัวผู้ก่อเหตุ แต่ตนก็สะเทือนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะถือเป็นครั้งแรกในชุมชน ที่มีเหตุการณ์สะเทือนใจแบบนี้
ด้านนายสมชาย เหล็กกล้า ครูที่โรงเรียนของ ด.ญ.บี เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุประมาณ 1 เดือน ตนได้มาตาม ด.ญ.บี ที่บ้าน เนื่องจากเขาไม่ไปเรียนหนังสือ และตอนนั้นแม่ของเด็กก็รับปากกับตนว่าเขาจะให้ลูกไปเรียนหนังสือ ที่ผ่านมาก็ไม่เคยปรึกษามาทางโรงเรียนว่ามีปัญหาเรื่องภาระค่าใช้จ่าย หรือปัญหาชีวิตครอบครัวแต่อย่างใด
วันเกิดเหตุช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. ตนก็เจอกับพ่อของผู้เสียชีวิต ที่ร้านค้าในหมู่บ้าน แต่ก็พูดคุยกันปกติ ถามไถ่ถึงลูกชายคนโต ของนายสาทิตย์ ที่อยู่ จ.สกลนคร ว่าเขาจะกลับมาเรียนหรือไม่ ส่วนแรงจูงใจในการก่อเหตุ ตนเองก็เชื่อว่าน่าจะมาจากเรื่องปัญหาในครอบครัว ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ จนนำไปสู่อาการหลอน
สำหรับความคืบหน้าทางคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. พุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้ข้อมูลว่า ผู้ก่อเหตุได้อยู่ในความดูแลของแพทย์ และยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหา เนื่องจากยังไม่สามารถสอบปากคำผู้ต้องหาได้ ส่วนอาวุธมีดที่ใช้ก่อเหตุยังไม่เจอ และพรุ่งนี้จะมีการลงพื้นที่หาอาวุธมีดอีกครั้ง เพื่อนำมาพิสูจน์หลักฐานประกอบการดำเนินคดีต่อไป
Advertisement