แฉคลิปใหม่ครูจุ๋มตบหลังเด็ก - ยาดมป้ายตา แม่ใจสลายลูกกรี๊ดผวาไม่ไป รร. (คลิป)

จากกรณีกลุ่มผู้ปกครองของนักเรียนชั้นอนุบาล 1 โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งย่านราชพฤกษ์ ส่งคลิปวงจรปิดในห้องเรียนของบุตรหลานมาให้กับทีมข่าว โดยระบุว่าบุตรหลานถูกคุณครูใช้ความรุนแรง และเข้าแจ้งความเรียบร้อยแล้วนั้น ล่าสุดวันที่ 26 ก.ย. 63 โรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ จ.นนทบุรี มีการออกแถลงการณ์ไล่ออกครูจุ๋มแล้วนั้น

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ใจแทบขาด! ครูอนุบาลจิกหัวตบเด็กหน้าคว่ำ พ่อเด็กฉะป่วยจิต แฟนหนุ่มบอกใจดีอ้างตีเพราะดื้อ 
- เปิดใจ "ครูจุ๋ม" สำนึกผิดตบเด็ก อ้างเครียดแม่ป่วย ท้ออยากตาย ถามแค่นี้เลวเหรอ? 
- แฉคลิปแก๊งเพื่อนครูจุ๋มกระชากหัวเด็ก อึ้งครูต่างชาติตบหน้า ป.6 ญาติไม่อภัย 

ล่าสุดวันที่ 28 ก.ค.63 เวลา 10.00 น. ที่โรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ ถนน 345 ต.บางตะไนย์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี กลุ่มผู้ปกครองกว่า 200 คนเดินทางเข้าพบผู้บริหารของโรงเรียน เพื่อขอดูขอดูกล้องวงจรปิดย้อนหลัง หลังทวงถามหลายครั้ง

นายสันติ ขันธพิริยะอนันต์ แอดมินเพจสมาคมผู้ปกครองโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ กล่าวว่า ตนคาดว่าควรมีผู้บริหารบางส่วนรับฟังปัญหา แก้ปัญหาคงยังทำไม่ได้ แต่ตอนนี้นอกจากธุรการแล้ว ตนติดต่อใครไม่ได้เลย พรุ่งนี้มีนัดแถลงตอน 09.00 น. ที่ห้องประชุม คาดว่าวันนี้คงไม่ได้คำตอบอะไร สิ่งที่พวกผู้ปกครองคาดหวังว่าจะสามารถทำได้ในตอนนี้ คือการเขียนประเด็น ข้อเรียกร้องที่อยากให้ทางโรงเรียนจัดการแก้ไข เพื่อที่จะให้ทุกอย่างเดินต่อได้

น.ส.ศิวพร อาชีวะ อายุ 25 ปี ผู้ปกครอง กล่าวว่า ลูกเรียนอยู่ที่โรงเรียนนี้ 2 คน คนแรกเรียน KG1 แต่คนละห้องกับที่เกิดเรื่อง อีกคนอยู่ KG2 คนละตึก ซึ่ง KG1 ไม่ได้มีเหตุการณ์อะไร เพราะครูค่อนข้างดูแลดี แต่ลูกชายที่เรียน KG2 เริ่มมีปัญหา เพราะผู้ปกครองทุกคนคุยกัน เห็นตรงกันว่าเด็กไม่อยากไปเรียน มีอาการรุนแรงขึ้น

จากการถามลูกโดยการเค้นถาม ลูกบอกว่าโดนตี เขาก็ไม่กล้าบอกเรา กล้า ๆ กลัว ๆ ซึ่งตีหนักหรือเบาไม่แน่ใจ แต่จะได้ยินตลอดเลยว่าเพื่อนชื่อ "มิกกี้" โดนตีทุกวัน ตนเลยไลน์ถามผู้ปกครองทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันหมด ตอนนี้ได้ไปดูที่ห้อง KG2 คือไม่มีกล้องวงจรปิด ซึ่งเราไม่สามารถขอดูอะไรได้เลย

ทั้งนี้ใจจริงวันนี้ที่มาอยากขอดูกล้องวงจรปิด ตนก็อยากดูห้องของลูกสาวเหมือนกัน คิดว่าน่าจะไม่มีปัญหาอะไร ส่วนตนคิดว่าต่อจากนี้คงให้ลูกลาออก แต่ต้องดูอีกทีว่าจะย้ายออกเทอมนี้หรือเทอมหน้า เพราะคลิปที่ดูล่าสุดที่เอาอะไรป้ายตาเด็ก คืออันนี้ตนไม่ไหว อย่างไรก็ให้ลูกออกแน่นอน

ขณะที่ น.ส.ณักษ์ลภัส สุรมโนกุล อายุ 31 ปี แม่น้องเทมส์ เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ครอบครัว ย้อนหลับมาดูคลิปวงจรปิดในคอมพิวเตอร์ ทำให้เห็นภาพเหตุการณ์ที่ครูจุ๋ม ลงโทษน้องเทมส์อย่างชัดเจน กระทั่งทราบว่า คลิปที่เคยเผยแพร่ไปก่อนหน้านี้ ที่เห็นว่าการนำวัสดุบางอย่างป้ายที่ดวงตาและใบหน้าน้องเทมส์นั้น แท้จริงแล้วคือ "น้ำยาดม" จากหลอดยาดมของครูจุ๋ม

โดยพฤติกรรมของครูจุ๋ม ตามภาพวงจรปิด มีการบีบน้ำยาดมออกมาแล้วนำมาป้ายตาน้องเทมส์ จังหวะนั้นน้องเทมส์พยายามปัดมือครูจุ๋มออก แต่ยังถูกน้ำยาดมป้ายตาไม่หยุด ทั้งที่อยู่ในห้องเรียน กระทั่งน้องเทมส์ยืนร้องไห้ ครูในห้องเรียนกลับนิ่งเฉย ไม่มีใครเดือดร้อน หรือพาน้องเทมส์ไปล้างตา อีกทั้งหลังเกิดเหตุ ครูจุ๋มเดินยิ้มแย้มหัวเราะมายืนที่หน้าชั้นเรียน โดยทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ทันทีที่เห็นคลิปและทราบว่าลูกถูกป้ายยาดมที่ตานั้น รับไม่ได้ รู้สึกเสียใจมาก ทำไมถึงทำเด็กได้ขนาดนี้ เป็นเรื่องที่รุนแรงเกินไป ตนไม่เคยเจอเหตุการณ์ลักษณะนี้มาก่อน อีกทั้งกระทบกระเทือนจิตใจของเด็กและผู้ปกครองมาก ถ้าน้องเทมส์ทำผิด ทำไมไม่บอกหรือสอนดี ๆ หรือไม่มาบอกผู้ปกครองให้ทราบ

นอกจากนี้ แม่น้องเทมส์ ยังบอกอีกว่า ครูจุ๋ม ไม่มีจิตสำนึกความเป็นครู และตั้งคำถามกลับโรงเรียนว่า รับบุคลากรแบบนี้เข้ามาทำงานได้อย่างไร ซึ่งถึงตอนนี้ยอมรับว่าไม่กล้าไล่ดูกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม เพราะรับไม่ได้ ทำใจดูไม่ได้ ซึ่งจะให้พ่อน้องเทมส์ เป็นคนดูกล้องวงจรแทน

ทั้งนี้ภายหลังจากเห็นคลิปวงจรปิดแล้ว ตนไม่อยากให้ลูกเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ เพราะไม่เชื่อใจและไม่ไว้วางใจโรงเรียน อีกทั้งเครียด ห่วงสภาพจิตใจลูก เพราะทุกวันนี้แค่ขับรถเข้ามาในโรงเรียน ลูกจะมีอาการผวา กลัว ร้องกรี๊ด และพูดว่า "โน โน" มีอาการกลัว ไม่อยากเข้ามาในโรงเรียน

จากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายโชติพงศ์ (สงวนสกุล) หรือ แมน อายุ 41 ปี ซึ่งเป็นพ่อน้องอาตี้ เด็ก 3 ขวบ หนึ่งในเด็กที่ถูกทำร้าย เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่เห็นคลิปวงจรปิดในห้องเรียนอนุบาล 1 ของลูกชาย กระทั่งทราบพฤติกรรมของครูจุ๋ม ซึ่งทำโทษลูกชายของตนขณะที่นั่งระบายสีบนโต๊ะเรียน

โดยคลิปวงจรปิด วันที่ 16 ก.ย. 63 เวลา 13.10 น. บันทึกภาพในห้องเรียน ขณะที่นักเรียนเรียนอยู่ ซึ่งน้องอาร์ตี้ผู้เป็นลูกชาย นั่งเรียนอยู่โต๊ะด้านหลังห้อง ติดกับครูจุ๋ม ซึ่งจังหวะนั้นครูจุ๋มกำลังนั่งทำผมให้เด็กนักเรียนหญิงรายหนึ่ง ส่วนน้องอาร์ตี้นั่งระบายสีอยู่ จังหวะนั้นน้องอาร์ตี้หันหน้าไปมองเพื่อน ซึ่งนั่งระบายสีอยู่ข้างกัน ทำให้ระบายสีออกนอกเส้นรูปภาพเล็กน้อย ครูจุ๋มหันหน้ามาเจอ ใช้ฝ่ามือฟาดเข้าที่กลางหลังน้องอาร์ตี้อย่างแรง จนหลังแอ่น ก่อนที่น้องจะมีอาการตกใจ นิ่ง ตามคลิปวงจรปิด

จากคลิปดังกล่าว พ่อน้องอาร์ตี้ ยอมรับว่า "รู้สึกเจ็บ" เพราะเลี้ยงลูกมา มีตีบ้างทำโทษบ้าง แต่ไม่เคยตีพร่ำเพรื่อแบบนี้ อีกทั้งยิ่งเห็นว่าน้องอาร์ตี้นั่งใกล้ครูจุ๋ม ยิ่งรับไม่ได้ เนื่องจากคิดว่าลูกนั่งใกล้ฝ่ามือและคงถูกทำร้ายลงโทษบ่อยครั้ง จนร่างกายบอบช้ำ

นายโชติพงศ์ เผยต่อว่า ที่ผ่านมาลูกชายไม่เคยบอกว่าถูกครูทำโทษตีอย่างไร แต่สังเกตเห็นว่าลูกมีรอยช้ำ รอยหยิกจนหนังหลุด ตามแขนและลำตัว แต่ไม่ได้เอะใจ คิดว่าเป็นรอยจากการวิ่งเล่นของเด็ก กระทั่งวันที่อาบน้ำ ถูหลังให้ลูกชาย ลูกบอกว่า "พ่อเจ็บ" ตนถามว่าไปทำอะไรมาถึงเจ็บ ลูกตอบเพียงว่า "เชอร์ทำ เชอร์ตีอาร์ตี้" ตอนแรกก็ยังไม่ปักใจเชื่อ เพราะไม่คิดว่าคนเป็นครูจะตีเด็กรุนแรงขนาดนี้ จนสุดท้ายเห็นหลักฐานตามกล้องวงจรปิด

พ่อน้องอาร์ตี้ เล่าต่อว่า น้องอาร์ตี้มีพฤติกรรมเปลี่ยนไป เนื่องจากอยู่ในช่วงเรียนรู้และจดจำ เพราะครูจุ๋มมักจะตีแล้วบอกว่า ที่ตีเพราะครูรัก จากนั้นเมื่อลูกกลับมาที่บ้าน เมื่อน้องอาร์ตี้บอกรัก บอกคิดถึงพ่อ น้องอาร์ตี้ก็จะตบหน้าพ่อทันที กลายเป็นความเข้าใจว่า การรักจะต้องตี จึงกลายเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม

ภายหลังจากที่มีการประชุมหารือที่ กระทรวงศึกษาธิการเมื่อเช้าที่ผ่านมานั้น ทางโรงเรียนเสนอเยียวยาเรื่องเรียน คือ เรียนพิเศษฟรี เทอมละ 800 บาท มูลค่า 4,000 บาท และเรียนซัมเมอร์ฟรีมูลค่า 5,000 บาท ซึ่งพ่อน้องอาร์ตี้ มองว่า ข้อเสนอเรียนฟรีข้างต้น ไม่คุ้มและเทียบไม่ได้กับการเจอพฤติกรรมความรุนแรงต่อจิตใจและร่างกาย

สำหรับหลักฐานที่ผู้ปกครองสามารถเอาผิดครูจุ๋มได้ ขณะนี้มีภาพจากกล้องวงจรปิด ใบตรวจร่างกายของเด็ก และการสอบปากคำเด็กและผู้ปกครอง ซึ่งขณะนี้อย่างน้อยมีทั้งหมด 8 รายแล้ว ืางตำรวจจะได้ตั้งข้อหา 3 ข้อหาดังนี้ ทำร้ายร่างกาย กักขังหน่วงเหนี่ยว และผิดพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการและบุคลากรทางการศึกษา

นางจุฑามาศ ไดยาวณิชย์ ตัวแทนครู เปิดเผยว่า ตอนนี้ทางโรงเรียนรับเรื่องไว้แล้ว และไม่มีการตัดต่อวงจรปิดแน่นอน อยากให้ผู้ปกครองมั่นใจ ตอนนี้อยู่ระหว่างประสานผู้ใหญ่ให้มาชี้แจง วันนี้ทางผู้ใหญ่ไม่อยู่ ทางคุณครูไม่สามารถตัดสินใจได้

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านหลังหนึ่ง อ.วิเศษชัยชาย จ.อ่างทอง ได้พบกับนางทวี (สงวนนามสกุล) อาย 62 ปี มาราดาของครูจุ๋ม กล่าวว่า ครูจุ๋มเป็นเสาหลักของครอบครัว ที่ผ่านมาส่งเสียเลี้ยงดูทั้งตนที่ป่วยหลายโรค และหลานอีก 3 คนที่อยู่ระหว่างการเรียนหนังสือ

โดยล่าสุดครูจุ๋มเพิ่งกลับมาบ้านเมื่อ 2 วันก่อน และกลับไปกรุงเทพฯ ครูจุ๋มพูดกับตนในลักษณะที่ว่า หากสังคมคิดว่าครูจุ๋มเลว ก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่ ตนได้ฟังแบบนั้นก็รู้สึกสงสารลูกสาว เพราะไม่รู้ว่าครูจุ๋มเครียดจากเรื่องที่ตนป่วยหลายโรคหรืออะไร ซึ่งครูจุ๋มก็เพิ่งให้ตนไปหาหมอที่โรงพยาบาลเอกชน ก็มีค่าใช้จ่ายสูง ตนอยากกราบขอโทษทุก ๆ คนแทนลูกสาวตน เพราะปกติครูจุ๋มไม่ได้เป็นคนนิสัยเช่นนี้ อาจจะเครียดจากเรื่องปัญหาครอบครัว

สำหรับเด็กที่ถูกครูจุ๋มทำร้าย ขณะนี้มีทั้งหมด 10 ราย ได้แก่ น้องหมิงหมิง น้องโอห์ม น้องอชิ น้องอาร์ตี้ น้องคาราเมล น้องรีวิว น้องเอ็นเจ น้องเสือ น้องเทมส์ และน้องคีโน่ 

ทีมข่าวเดินทางมาที่บ้านของ ครูมาวิน ครูสอนภาษาอังกฤษของโรงเรียนสารสาสน์ราชพฤกษ์ เมื่อทีมข่าวมาถึง พบบ้านครูเป็นบ้านทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น ตั้งอยู่ในหมู่บ้านย่านปทุมธานี ซึ่งพบว่าไม่มีคนอาศัยอยู่

ทีมข่าวสอบถาม นางขวัญ (นามสมมติ) เพื่อนบ้าน เป็นคนที่คอยเก็บค่าเช่าบ้านให้กับเจ้าของบ้านที่ครูมาวินเช่าอยู่ เปิดเผยว่า บ้านหลังนี้มีครูชาวฟิลิปปินส์อาศัยอยู่จริง อาศัยอยู่ที่นี่ได้ประมาณ 2 ปีแล้ว โดยอาศัยอยู่กับเพื่อนที่เป็นครูต่างชาติของโรงเรียนสารสาสน์ราชพฤกษ์เช่นกัน มีชาย 2 หญิง 1 รวมเป็น 3 คน

ส่วนตัวได้เจอและคุยกับครูที่อาศัยอยู่บ่อยครั้ง เพราะพูดภาษาไทยได้ 1 คน ตนได้แต่เจอหน้า ไม่ทราบชื่อ ครูที่อยู่บ้านนี้เป็นคนดีมาก อัธยาศัยดี ยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่เคยมีปัญหากับเพื่อนบ้าน แต่เป็นคนที่พูดเสียงดัง ซึ่งน่าจะเป็นพื้นฐานของชาวฟิลิปปินส์ ตนเห็นข่าวยังคิดอยู่เลยว่าคนนี้ใช่คนที่ก่อเหตุหรือไม่ ซึ่งตนก็เข้าใจว่าเป็นครูคนเดียวกัน แต่อยู่บ้านเขาไม่มีพฤติกรรมรุนแรง คุยอะไรก็ยิ้มให้ อยู่บ้านนี้มาไม่เห็นมีปัญหากับใคร

ส่วนตัวเห็นคลิปที่ครูทำร้ายเด็ก ก็คิดว่าอารมณ์อาจจะพาไป และครูต่างชาติที่อยู่ในคลิปเห็นเพื่อนร่วมงานทำ ก็อาจจะทำไปด้วย ตนเป็นคนเก็บค่าเช่าบ้านนี้ ซึ่งก็จ่ายค่าเช่าปกติ ทั้งนี้ตนได้เจอกับครูมาวินเมื่อเช้า ก็แซว ๆ กันว่าดังใหญ่แล้ว ก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร เพียงยิ้ม ๆ ไม่ได้ดูเครียด ซึ่งตนเห็นท่าทางปกติ และยังไปสอนที่โรงเรียนตามปกติ

ทีมข่าวได้พบกับครูชาวฟิลิปปินส์ที่พักอยู่บ้านหลังที่ตำรวจมาตรวจสอบ ให้ข้อมูลกับทีมข่าว ระบุว่า ตนอยู่ที่นี่มา 2 ปีแล้ว โดยครูมาวินไม่เคยมาอาศัยที่นี่แม้แต่วันเดียว ครูมาวินเพิ่งมาทำงานได้แค่ 2 เดือน ยอมรับว่าครูมาวินไม่มีหนังสืออนุญาติทำงาน ซึ่งไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับตน ไม่เคยมาพักอาศัยที่นี่แม้แต่วันเดียว โดยปกติครูมาวินจะพักอยู่ที่อพาร์ตเมนต์ของโรงเรียน ซึ่งอยู่ภายในโรงเรียน

พ.ต.ท.ฐิติวัฒน์ ฤชานุกูล รอง ผกก.ตม.จว.นนทบุรี ให้ข้อมูลว่า ครูมาวิน รายนี้เป็นชาวฟิลิปปินส์ พูดสื่อสารภาษาไทยไม่ได้ ตรวจสอบพบว่าไม่มีใบอนุญาติทำงาน หรือ work permit เดินทางเข้าประเทศถูกต้องด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว อายุ 30 วัน

โดยใช้สิทธิ์ผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จึงอยู่ในไทยได้จนถึงปัจจุบัน โดยเข้าไทยมาวันที่ 26 ม.ค.63 มีความผิด คือ เป็นต่างด้าวที่ทำงานโดยไม่มีใบอนุญาติทำงาน ซึ่งต้องมีการดำเนินการผลักดันกลับประเทศ

จากการตรวจสอบพบว่า มีการแจ้งชื่อของครูมาวินไว้ที่บ้านหลังที่ไปตรวจสอบ แต่เมื่อตำรวจไปตรวจสอบแล้วไม่พบเจ้าตัว และพบว่าครูมาวินเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว

โดยครูมาวิน ให้การอ้างว่า "เคยถามครูจุ๋มไปแล้วว่า การกระทำแบบนี้จะไม่มีปัญหาหรือ ครูจุ๋มบอกว่า ไม่มีปัญหา เพราะเป็นระบบโรงเรียนของไทย ครูสามารถทำโทษนักเรียนได้"

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เกิดเรื่องทางผู้ปกครอง ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.ชัยพฤกษ์ ในวันที่ 24 ก.ย.63 จากนั้นโรงเรียนก็ได้พูดคุยกับผู้ปกครองที่เสียหายในเรื่องนี้หลายท่าน โดยเฉพาะด้านคดีความยืนยันว่า จะอำนวยความสะดวกแก่ผู้ปกครอง และจะดำเนินคดีกับครูจุ๋ม รวมทั้งบุคลากรที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้จนถึงที่สุด ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการไล่ครูในคลิปออกไปแล้ว 4 คน