วันที่ 26 พ.ย.67 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. , พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. และหน่วยที่เกี่ยวข้อง ประชุมติดตามความคืบหน้าคดีสำคัญ และส่งผลกระทบต่อประชาชน ได้แก่ คดีทริปน้ำไม่อาบ ที่อาจก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยและอุบัติเหตุบนท้องถนน , คดีฉ้อโกงประชาชนร่วมลงทุนในโครงการธุรกิจทางการแพทย์ ที่มีผู้เสียหายและมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก , การโพสต์คลิปของคนต่างด้าวลักษณะเป็นการท้าทายกฎหมาย เคลื่อนไหวหรือแสดงออกที่ผิดกฎหมาย หรือกระทำในลักษณะที่อาจส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ภาพลักษณ์และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ ผบ.ตร.กำชับให้ผู้บังคับบัญชาระดมกวาดล้างจับกุม ดำเนินคดีตามกฎหมายผู้ที่เกี่ยวข้องทุกราย รวบรวมพยานหลักฐาน สอบสวนทุกคดี โดยเฉพาะ 3 กรณี ดังกล่าว ได้แก่
1. ทริปน้ำไม่อาบ ให้ทุกหน่วยตรวจสอบร้านดัดแปลงตกแต่งรถที่ฝ่าฝืนกฎหมายแล้วนำรถมาขับขี่ ตลอดจนจะต้องทำความเข้าใจกับผู้ปกครอง และจะต้องมีการตรวจสอบต้นทาง ระหว่างการเดินทาง และปลายทาง หากพบการฝ่าฝืนกฎหมายต้องดำเนินการทันที จะไม่ปล่อยให้ก่อให้เกิดความเดือดร้อนหรืออุบัติเหตุบนท้องถนนเด็ดขาด
2. กรณีคนต่างด้าวโพสต์คลิปลักษณะท้าทายกฎหมาย ตรวจสอบเบื้องต้นปรากฏว่ามีประมาณ 10 กลุ่ม ต้องสืบสวนติดตามให้ปรากฎว่าพยานหลักฐานว่ามีการกระทำความผิดฐานใด แล้วให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวน ออกหมายจับ ดำเนินคดีทุกกรณี ให้ตำรวจพื้นที่ , สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง , กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และกองบัญชาการตำรวจสันติบาล ร่วมกันดำเนินการ และให้ใช้อำนาจการพิจารณาของผู้ว่าราชการจังหวัด , ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ผบก.ภ.จว. ส. ตม.จว. และฝ่ายความมั่นคงจังหวัด ใช้กลไกทางกฎหมายเข้าดำเนินการ
3. คดีฉ้อโกงประชาชนโครงการธุรกิจทางการแพทย์ สำนวนมีความคืบหน้าไปมาก จับกุมผู้ต้องหาไปแล้ว 8 ราย (กลุ่มผู้ถือหุ้น กลุ่มเครือญาติ กลุ่มโบรกเกอร์) มูลค่าความเสียหายประมาณ 9,700 ล้านบาท อยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นทางการเงิน โดยจะแต่งตั้งเป็นคณะพนักงานสอบสวน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีพนักงานสอบสวนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง รับผิดชอบและร่วมทำการสอบสวน ในส่วนของบุคคลที่เดินทางหลบหนีไปต่างประเทศ ได้ให้กองการต่างประเทศแจ้งสืบหาตัวบุคคลในระบบตำรวจสากลแล้ว จะเร่งรัดให้ติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ขอให้ผู้ที่ได้รับความเสียหายนำพยานหลักฐานมาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง หรือกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
โดย ผบ.ตร. สั่งการให้ทุกคดีจะต้องดำเนินการเชิงรุก ไม่มีการปล่อยผ่านหรือเพิกเฉย เดินหน้าทุกมิติ เน้นการบังคับใช้กฎหมาย และให้ฝ่ายสืบสวนขับเคลื่อนขยายผลการดำเนินคดี พร้อมทั้งชี้แจงให้ประชาชนในพื้นที่ทราบการทำงานของตำรวจประกอบกันด้วย หากพบหน่วยใดเพิกเฉย ปล่อยปะละเลยให้เกิดมีการกระทำดังกล่าวซ้ำอีก เบื้องต้นจะดำเนินการทางปกครองหัวหน้าหน่วยทันที
Advertisement