วันที่ 27 พ.ย. 67 ที่อาคารมาลีนนท์ นาง วิลาวัลย์ พุทธสัมฤทธิ์ มารดาของนาย สามารถ เจนชัยจิตรวนิช 1 ในผู้ต้องหาคดีร่วมกันฟอกเงิน และสมคบกันฟอกเงินให้สัมภาษณ์ภายหลังศาลมีคำสั่งให้ประกันตัวว่า ขอความยุติธรรม ต้องต่อสู้กันในชั้นศาลต่อไป ยังคงยึดมั่นในความดี ความถูกต้องของตัวเอง
ส่วนลูกชายขอให้ลูกได้มีโอกาสได้ประกัน ยังไม่รู้ว่าจะไปเยี่ยมลูกหรือไม่ เพราะยังอยู่ในขั้นตอนขอประกัน ล่าสุดทนายความได้เข้าไปเยี่ยมแล้วก็ทราบมาว่าลูกชายค่อนข้างเครียด ตัดสินใจอดข้าวอดน้ำประท้วง แต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา นายสามารถดื่มแค่น้ำ เพื่อต้องการร้องขอความเป็นธรรม ตนก็บอกไปว่าไม่ได้ลูก หนูต้องสู้ๆ การอดข้าวไม่ใช่ทางออกที่ดี เราออกมาใช้สติปัญญาดีกว่าว่าเราจะแก้ปัญหาเหล่านี้ยังไง ซึ่งตนก็ยังเป็นกำลังใจให้ลูกต่อไป
ขณะเดียวกันมีความเป็นห่วงลูกมาก เพราะลูกก็มีโรคประจำตัวคือโรคตับอักเสบ เป็นห่วงเขามาก เพราะเราให้เขาเกิดมาแล้ว ก็บอกลูกตลอดว่าให้สู้ๆ
ส่วนประเด็นคุณแม่มีอาการชักเกร็งระหว่างอยู่ห้องคุมขังของดีเอสไอรวมทั้งมีการพยายามใช้ผ้าปูเตียงผูกมัดคอตัวเอง คุณแม่ของนายสามารถยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงทำจริงไม่มีการเสแสร้งและไม่ดรามา ส่วนกรณีที่ดีเอสไอบอกว่าตัวเองกุเรื่องนี้ขึ้นมา คุณแม่บอกว่าให้ไปดูกล้องวงจรปิดได้เลยว่าเกิดอะไร มีเวลาระบุชัดเจน
ส่วนสาเหตุที่ตัดสินใจทำแบบนี้ เพราะว่าขณะนั้นไม่อยากเป็นคนต่อแล้ว มองว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม ไม่รู้จะมีชีวิตอยู่ต่อเพื่ออะไร จึงเอาผ้าปูเตียงมาผูกแต่บังเอิญเจ้าหน้าที่มาช่วยทัน
นาง วิลาวัลย์ ยังไล่เรียงจำนวนเงินที่บอสพอลโอนเข้าบัญชีว่า ประเด็นนี้ครั้งนี้ไม่ขอตอบ เพราะเรื่องอยู่ในสำนวนแล้ว แต่ยืนยันได้ว่าเงินเหล่านี้เป็นเงินทำบุญและเป็นเงินที่หยิบยืมมา ส่วนตัวเป็นคนทำบุญเยอะมาก ทำบุญทุกเดือน ยกตัวอย่างว่า 1 เดือนมี 30 วัน ทำบุญไปแล้ว 25 วัน
ส่วนตัวไม่ได้สนิทกับบอสพอล แต่เป็นการคุยผ่านลูกชายเท่านั้น ส่วนที่บอสพอโอนเงินค่าทำบุญมา เนื่องจากว่าลูกชายไปบอกและบอสพอลมีจิตร่วมบุญเท่านั้น ซึ่งเงินของบอสพอลถูกโอนเข้ามาบัญชีแม่โดยตรง ส่วนเงิน 100 ล้านบาทที่เข้าบัญชีตนนั้นยืนยันว่าไม่มียอดนี้อย่างแน่นอนเป็นเพียงเงินหมุนเวียนตลอดในช่วงปี 2564 ที่เปิดบัญชีถึง 2567 เท่านั้นซึ่งเงินหมุนเวียนทั้งหมดเป็นเงินที่มาจากทุกทางไม่ขอเจาะลึกในรายละเอียดเพราะเป็นสิทธิ์ส่วนตัว
ส่วนยอดเงิน 2.5 ล้านที่ดีเอสไอระบุว่าว่ายอดนี้มาจากบอสพอล ส่วนมีอีกยอด 5 แสนที่เข้าบัญชีแม่ มาจากบอสปีเตอร์นั้น คุณแม่ยืนยันไม่มียอดเงินจากบอสปีเตอร์อย่างแน่นอน ส่วนลูกชายตัวเองไปรู้จักกับบอสพอลได้อย่างไรนั้นไม่ทราบที่มาที่
ส่วนเงินที่ยืมบอสพอลและได้คืนโดยผ่านบัญชีลูกชายเนื่องจากว่าตัวเองไม่มีบัญชีของบอสพอลจึงโอนให้ลูกชายโอนต่อให้ พร้อมยืนยันว่าบัญชีดังกล่าวตัวเองใช้บัญชีนี้คนเดียว
นอกจากนี้นาง วิลาวัลย์ ยังไล่เรียงถึงสาเหตุที่เขียนจดหมายให้นักข่าวระหว่างคุมตัวไปฝากขังที่ศาลอาญาว่า ที่ส่งจดหมาย เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รับความยุติธรรม เพราะคิดว่าตัวเองควรได้รับการประกันตัวในชั้นดีเอสไอ แต่ปรากฏถูกนำตัวไปฝากขังจึงมองว่าถูกกลั่นแกล้ง ซึ่งก่อนเขียนคุณแม่บอกว่าดีเอสไอได้ยื่นเอกสารดังกล่าวให้ตนเซ็น พออ่านเอกสารดังกล่าวรู้สึกว่าจะไม่ได้ประกันจึงเอาปากกาเขียนข้อเรียกร้อง 8 ข้อลงด้านหลังกระดาษเพื่อขอความเป็นธรรม และคิดว่าผู้สื่อข่าวทุกคนสามารถเป็นกระบอกเสียงให้ตัวเองได้
ส่วนระหว่างการคุมตัวสองแม่ลูกฝากขังนายสามารถบอกกับนักข่าวว่า “อยากพูดแต่พูดไม่ได้” มีใครสั่งหรือไม่ ประเด็นนี้คุณแม่บอกว่า “มีคนสั่ง และลูกชายก็ไม่สามารถพูดได้จริงๆ แต่ขอไม่ลงลึกในรายละเอียด”
นาง วิลาวัลย์ กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นเรื่องโต๊ดเต็ง (หวย) ยอมรับว่ามีเงินจากโต๊ดเต็งหมุนเวียนในบัญชีด้วยพร้อมบอกว่าเงินหมุนเวียนเข้าทุกงวด แต่ไม่ขอระบุยอดเงินว่าเข้าออกเท่าไหร่ ก่อนพูดติดตลกว่า “เดี๋ยวโดนๆ”
ส่วนประเด็นค้างค่าเช่าบ้านประมาณ 2 แสนกว่าบาทนั้น นาง วิลาวัลย์ กล่าวว่า ไม่ถึงยอดนั้น เพราะตัวเองอยู่บ้านหลังนี้มา 10 กว่าปีแล้ว เป็นความผิดพลาดของตนเองที่ไปเช่าทั้งตึก ภาระจึงมาอยู่ที่ตนหมดเลย ส่วนกรณีที่เพื่อนบ้านบอกว่าฝากคุณแม่จ่ายค่าเช่าบ้าน แต่คุณแม่ไม่ไปจ่ายนั้นประเด็นนี้ขอบอกว่าถูกใส่ร้าย
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับสองแม่ลูกมองว่าเป็นเรื่องทางการเมือง ถ้าเป็นคนโนเนม เขาจะมาเอาเรื่องหรือไม่ ส่วนตัวรู้ว่าเป็นใครแต่ไม่ขอเอ่ยชื่อ อีกทั้งยังเชื่อว่าลูกชายไปขัดแข้งขัดขาผู้มีอำนาจ ตนจึงขอขมาต่อหน้าสื่อแทนลูก แต่เชื่อว่าสิ่งที่ตัวเองสื่อออกมานั้นน่าจะไปถึงบุคคลคนนี้แล้ว และที่ตัดสินใจออกมาเผชิญหน้าครั้งนี้เพราะคิดว่าตัวเองสู้ไม่ได้ ไม้ซีกไม่สามารถไปงัดไม้ซุงได้ ซึ่งตัวเองก็ยอมรับชะตากรรมนี้แล้วเช่นกัน
Advertisement