วันที่ 12 ธันวาคม 256 7เวลา 11.00 น. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่113 บ.กุดค้าม.10 ต.ทุ่งฝน อ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี หลังได้รับการร้องเรียนจากนายวันดี อายุ 63 ปี นางอภัย อายุ 56 ปี สองสามีภรรยาเจ้าของบ้าน ปู่และย่าของนายรพีภัทร หรือน้ำ อายุ 17 ปี ว่า หลานชายถูกแก็งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงโทรศัพท์มาข่มขู่ว่ารับจ้างเปิดบัญชีม้า เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน เมื่อหลงเชื่อได้โอนเงินจากบัญชีของปู่และย่าเพื่อให้เขาตรวจสอบแสดงความบริสุทธิ์ใจ แต่เมื่อรู้ตัวอีกทีก็โอนเงินไปจนหมดบัญชี สูญเงินไปทั้งสิ้น 3,412,642 บาท
นายน้ำ รพีภัทร เล่าว่า ประมาณ 10.00 น.วันที่ 9 ธันวาคม 2567 ได้รับโทรศัพท์จากชายคนหนึ่งอ้างว่าเป็นตำรวจDSI บอกว่า ได้มีการจับกุมคดีฟอกเงินมีการอายัดบัญชีธนาคาร 48 เล่ม 1 เล่มเป็นของตน ซึ่งจะต้องถูกตรวจสอบ หลังจากนั้นก็ให้ตนแอดไอดีไลน์ จากนั้นก็ส่งเอกสารมาในไลน์ ระบุเป็นคำสั่งลับจากทางราชการ ขออายัดบัญชีและตรวจสอบ
โดยมิจฉาชีพ พูดจาน่าเชื่อถือ พูดเหมือนเป็นเจ้าหน้าที่พูดกับตน จนเกิดความกลัวว่าจะถูกจับจริงๆ จากนั้นก็พูดคุยผ่านวิดีโอคอลกับผู้หญิงใส่ชุดเครื่องแบบ พูดจาโน้มน้าวให้เชื่อ มีการสลับไปพูดคุยกับตำรวจผู้ชาย แต่งตัวคล้ายตำรวจเช่นกัน ก็ยิ่งทำให้ตนหลงเชื่อทุกครั้ง ก็จะเน้นว่าเป็นความลับห้ามบอกใคร
“หลังจากตนหลงเชื่อแล้วก็ถามว่าบัญชีตนมีเงินเท่าไหร่ตนก็บอกไม่มีเขาขู่ขอตรวจสอบบัญชีว่าไม่ติดขัดด้านการเงิน ไม่ได้เป็นบัญชีม้า ให้ตนไปหาเงินมาโอนเข้าบัญชี เพื่อตรวจสอบ เพราะตนอาจจะโอนไปไว้บัญชีคนอื่น ตนก็บอกว่าอยู่กับปู่กับย่าจะมีเงินได้อย่างไร แต่ตนก็หลงเชื่อโอนเงินจากบัญชีย่าไปให้เขาตรวจสอบ จากนั้นก็มีการโน้มน้าวอีก จนโอนไปอีกหลายครั้ง ตั้งแต่หลักหมื่น หลักแสน เยอะที่สุดเกือบ 2ล้านบาท โอนตั้งแต่ช่วงเที่ยง จนถึง 18.00 น.ตนโอนไปทั้งสิ้น 12 ครั้ ทั้งจากบัญชีย่าและปู่รวมเป็นเงิน 3.4 ล้านบาท ตอนนั้นก็ยังเชื่อเขาอยู่เพราะตนกลัวมาก”
นายน้ำ รพีภัทร เล่าอีกว่ากระทั่งตอนเช้า ก็ได้มาปรึกษาย่า เพราะเขาบอกให้ย่าเข้ามาพูดคุยในวิดีโอคอลด้วย เขาบอกให้ย่าเอาทองไปจำนำแล้วให้โอนเงินไปตรวจสอบ แต่ย่าไม่ยอมทำตาม หลังจากนั้นก็เริ่มติดต่อไม่ได้แล้วถูกบล็อกไลน์ทันทีโทรไปก็ไม่ติด หลังจากนั้นตอนเช้าตนก็เริ่มหาข้อมูลข่าวก็ตรวจสอบพบว่ามีข่าวของพี่ชาล็อต ออสติน ก็พบว่ามีพฤติกรรมแบบเดียวกัน ตนก็เลยรู้ว่าถูกมิจฉาชีพหลอกแล้วรู้สึกตกใจและเสียใจมากที่ทำให้ปู่และย่าเดือดร้อน
นางอภัยฯ ย่านายน้ำ เล่าว่า ช่วงที่คุยวิดีโอคอลกับมิจฉาชีพ ก็ยังพูดจาโน้มน้าวให้เอาทองไปจำนำ เพราะถ้าไม่ให้ตรวจสอบ จะมาจับที่บ้าน จะยึดทรัพย์สินทุกอย่างสุดท้ายตนก็ไม่ได้ไปจำนำทองแล้วก็ติดต่อเขาไม่ได้ จึงรู้ว่าถูกหลอก จากนั้นก็ตนก็ไปแจ้งความที่สภ.ทุ่งฝน ไปอายัดบัญชีคนร้ายทั้งหมด แต่ก็ไม่รู้ว่าอายัดทันหรือไม่อยากให้ตำรวจช่วยเหลือด้วย อยากได้เงินกลับคืนมา เพราะเป็นเงินเก็บมาทั้งชีวิตปู่ไปทำงานเมืองนอกมาหลายประเทศ ทำมานานกว่า 18 ปี ปู่ บัญชีตอนนี้หมดแล้ว ทุกบัญชีไม่เหลือเลยสักบาท ให้อภัยหลานอยู่แล้ว เพราะเลี้ยงมาตั้งแต่เล็ก เหมือนลูกคนหนึ่ง
ด้านนายวันดี ปู่นายน้ำ เล่าว่า หลานแอบทำเรื่องนี้คนเดียว หลานมาสแกนใบหน้าย่าขณะนอนพักผ่อนในบ้าน บอกจะทำแอปพลิเคชั่น กระทั่งตอนบ่าย2 หลานมาชวนย่าไปธนาคารเพื่อไปถอนเงินบอกว่า จะเอามาให้เขาตรวจสอบหลานก็ทำท่าจุ๊ปากให้เงียบไว้ห้ามบอกใครเดี๋ยวจะถูกจับ ตนก็ถามว่าตำรวจอยู่ไหน หลานก็บอกว่าอยู่ธนาคารเต็มเลย ตนก็ห้าม แต่หลานก็ไม่ฟัง ย่าก็พาหลานไปทันที พอกลับมาแล้วตอนที่รู้ว่าเงินหมดบัญชีแล้วตน ก็ต่อว่าหลานทำไมถึงโง่จัง อย่างอื่นทำไมเก่งจังหลานก็บอกกลัวเขามาจับ
“ปู่ให้อภัยหลานอยู่แล้วไปแจ้งความตำรวจก็ถามจะแจ้งความหลานหรือไม่ตนก็บอกถ้าจะจับหลานมันก็เหมือนจับตนไม่ต้องดำเนินคดีหลาน ตอนแรกตนก็ไม่ได้รู้สึกตกใจแต่พอมานอนคิดเมื่อคืนก็ได้แต่นอนน้ำตาไห ลเพราะเป็นเงินเก็บมาทั้งชีวิตตอนนี้แก่มากแล้ว หากไม่ได้เงินคืนก็คงต้องหากินไปวันวัน อยู่ไปตามประสาแบบนี้หากติดต่อกันได้ ตอนนั้นก็คิดว่าคงไม่ต้องเสียเงินขนาดนี้ หากตนรู้คงต่อว่ากันได้ก่อนปกติหลานเป็นคนไม่ค่อยเชื่อใครง่ายๆแม้แต่ปู่ย่าที่เลี้ยงมายังไม่ค่อยเชื่อเลยแค่เขามาขู่ก็เชื่อเขาทำไมหลานถึงทำตัวแย่ได้ขนาดนี้”
Advertisement