เมื่อเวลา 23.30 น วันที่ 13 ธ.ค. 67 พ.ต.อ.ศุภกร พิพัฒน์พิมพา ผกก.สภ.อุ้มผางจังหวัดตาก รับแจ้งมีเหตุขว้างระเบิดกลาง งานกาชาดแผ่นดินดอยลอยฟ้า อ.อุ้มผาง จ.ตาก ประจำปี 2567 มีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก
หลังรับแจ้งเหตุเจ้าหน้าที่หน่วยหน่วยกู้ชีพโรงพยาบาลอำเภออุ้มผาง และทีมอาสาสมัครอำเภออุ้มผางจากทุกหน่วยงาน ถูกระดมกำลังเข้าไปตรวจสอบเหตุอย่างเร่งด่วน
ที่เกิดเหตุเป็นบริเวณภายในงานกาชาด ซึ่งมีประชาชนจำนวนมากกำลังเดินท่องเที่ยวเต็มบริเวณงาน ซึ่งเป็นพื้นที่โล่งแจ้งกลางดอยสูงชันใกล้กับสนามบินเก่าอุ้มผาง และที่บริเวณหน้าเวทีรำวงย้อนยุค ซึ่งขณะนั้นมีชาวบ้านจำนวนมากต่างกำลังเต้นรำท่ามกลางเสียงดนตรีอย่างสนุกสนาน พบหลุมระเบิดบนพื้นดินจำนวน 1 หลุม และพบชาวบ้าน ทั้งเด็กวัยรุ่น ผู้ใหญ่ และคนสุงวัยจำนวนมากต่างนอนล้มลงไปกองกับพื้นดินหน้าเวทีรำวงย้อนยุค และยังมีชาวบ้านอีกจำนวนมากต่างก็ตกใจเสียงระเบิด ต่างก็รีบวิ่งหนีออกจากจุดเกิดเหตุแบบฝุ่นตลบแบบไม่คิดชีวิต
เจ้าหน้าที่ประจำเวทีย้อนยุคต้องใช้เครื่องกระจายเสียงประกาศขอให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องให้รีบออกนอกจุดเกิดเหตุอย่างเร่งด่วน พร้อมเปิดทางให้ทีมหน่วยกู้ชีพทุกหน่วยเร่งเข้าไปช่วยเหลือ และพบผู้ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัสจำนวน 4 ราย ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณส่วนสำคัญของร่างกาย จมกองเลือดเสียชีวิตขณะช่วยเหลือจำนวน 2 ศพ
นอกจากนี้ยังพบผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนเบื้องต้น 38 คน ซึ่งบางรายต้องทำการช่วยชีวิตด้วยการปั้มหัวใจในจุดเกิดเหตุ และบางรายมีบาดแผลฉกรรจ์จากสะเก็ดระเบิดจนเลือดท่วมตัวอย่างน่ากลัว จนเวลาผ่านนานกว่า 20 นาที เจ้าหน้าที่จึงสามารถลำเลียงนำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด ส่งห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลอุ้มผาง และต้องระดมทีมแพทย์ และพยาบาลมาช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บจนคนล้นโรงพยาบาลอุ้มผาง
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า งานดังกล่าวเป็นงานกาชาดแผ่นดินดอยลอยฟ้าประจำปี 2567 ซึ่งจัดระหว่างวันที่ 8-14 ธ.ค. 67 ซึ่งคืนเกิดเหตุเป็นคืนก่อนวันสุดท้ายของการจัดงาน ซึ่งก่อนเกิดเหตุมีประชาชนจำนวนมากต่างมาท่องเที่ยวตามโซนต่างๆ ที่จัดไว้ โดยงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อยไม่มีเหตุทะเลาะวิวาทแต่อย่างใด และเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อระหว่างที่ชาวบ้านจำนวนมากกำลังเต้นรำประกอบเสียงเพลงอย่างสนุกสนามอยู่หน้าเวทีรำวงย้อนยุค ซึ่งเป็นจุดไฮไลต์ของงานคืนนี้ก็มีคนร้ายไม่ทราบจำนวน และไม่ทราบว่าเป็นใครได้ขว้างปาวัตถุระเบิดไม่ทราบขนาด ซึ่งคาดว่าเป็นระเบิดชนิดขว้างแบบสังหารปาไปตกลงหน้าเวทีรำวงย้อนยุค จนเกิดเสียงระเบิดดังสนั่น 1 ครั้ง และทันทีที่สิ้นเสียงระเบิดลูกดังกล่าว ก็พบกลุ่มชาวบ้านจำนวนมากถูกแรงระเบิดกระเด็นล้มนอนลงไปกองกับพื้น
ซึ่งบางรายอาการสาหัส นอนสลบจมกองเลือด และยังมีชาวบ้านอีกบางส่วนที่รอดชีวิตต่างก็วิ่งหนีเอาชีวิตรอดออกจากเวทีรำวงย้อนยุคแบบโกลาหล เหตุการณ์นี้มีผู้เสียชีวิตเบื้องต้น 2 ศพ และบาดเจ็บรวมอีก 38 ราย
ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อุ้มผางจังหวัดตากได้ปิดกั้นพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อให้ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานจังหวัดตากเข้าไปเก็บวัตถุพยานหลักฐาน คาดว่าระเบิดที่คนร้ายใช้ก่อเหตุอาจจะเป็นระเบิดขว้างแบบสังหาร ซึ่งยังไม่ทราบชนิดและขนาด ระเบิดลูกดังกล่าวมีความรุนแรงสุง และขณะนี้ยังไม่ทราบว่าสาเหตุที่คนร้ายก่อเหตุสะเทือนขวัญชาวอ.อุ้มผางกลางงานกาชาดในครั้งนี้มาจากสาเหตุใด ขณะนี้อยู่ระหว่างตำรวจ สภ.อุ้มผาง จ.ตาก กำลังลงพื้นที่สืบสวนหาตัวคนร้ายอย่างเร่งด่วนแล้ว
ขณะที่เฟซบุ๊กเพจ “ศูนย์กู้ชีพกู้ภัยอำเภออุ้มผาง” โพสต์ข้อความระบุว่า “เมื่อประมาณ 23.25 น. เกิดเหตุการณ์ความรุนแรง จากการขว้างระเบิด ที่บริเวณด้านล่างเวทีรำวงย้อนยุคในงานอะเมซิ่งประจำปีของอำเภออุ้มผาง เป็นเหตุให้ชาวบ้านที่กำลังสนุกสนานด้านล่างเวที ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก”
“จากการโดนสะเก็ดระเบิด ซึ่งข้อมูลเบื้องต้น มีผู้เสียชีวิต จำนวน 2 ราย บาดเจ็บสาหัส จำนวน 4 ราย ซึ่งได้รับการผ่าตัดด่วนจำนวน 1 ราย ส่งต่อรพ.แม่สอด 1 ราย ส่วนผู้บาดเจ็บอื่นๆ ได้แอดมิท เพื่อทำการผ่าตัดรักษา หรือดูอาการต่อหลายราย และรายที่บาดเจ็บเล็กน้อย ได้รับการทำแผล และรับยากลับบ้าน รวมผู้ได้รับสะเก็ดระเบิดที่ถูกนำส่งมา รพ.อุ้มผาง ที่สรุปยอดเบื้องต้นมีทั้งหมด 48 ราย สมาคมกู้ชีพกู้ภัยอุ้มผาง ขอแสดงความเสียใจต่อความสูญเสีย ของครอบครัวผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บทุกท่าน เป็นเหตุการณ์ที่เศร้าสะเทือนใจต่อชาวอุ้มผางทุกท่าน ขอขอบคุณ น้องๆอาสาสมัคร กู้ชีพกู้ภัยอุ้มผาง ชาวบ้าน เจ้าหน้าที่ฝ่ายอื่นๆ ที่ได้เข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บร่วมกัน เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลอุ้มผางที่ทำงานกันหนักมาก และขอให้ทุกท่านที่บาดเจ็บอยู่ปลอดภัยผ่านไปได้ด้วยดี เชื่อว่าใครหลายคนที่อยู่ในเหตุการณ์หรือทราบข่าวก็คงนอนไม่หลับเหมือนกัน ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง #สมาคมกู้ชีพกู้ภัยอุ้มผาง”
อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบพบว่า ล่าสุดจากเหตุการณ์ดังกล่าวพบว่าขณะนี้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ราย และได้รับบาดเจ็บเกือบ 50 คน
Advertisement