จากกรณีนางจิตรา ยินดีพจน์ อายุ 46 ปี ถูกอาวุธปืนขนาด 9 มม. ถูกยิงเข้าบริเวณศีรษะด้านขวา 1 นัด เสียชีวิตคาห้องนอนภายในบ้านหลังหนึ่งพื้นที่หมู่ 4 ต.โคกช้าง อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา
ลูกให้คำยืนยันคนยิงคือสามีแม่ คือนายวสันต์ ยินดีพจน์ อายุ 51 ปี ซึ่งหลบหนีไป โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 19.30 น. ของวันที่ 24 ธันวาคม 67
ล่าสุดเช้าวันนี้ (25 ธ.ค.67) เวลา 10.00 น.ทีมข่าวลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าทางคดี เพราะผู้ก่อเหตุหลบหนี โดยพบเจ้าหน้าที่ตำรวจนำกำลังทั้งตำรวจสถานีตำรวจภูธรบางไทร สถานีตำรวจภูธรช้างใหญ่และตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระดมกำลังกว่า 30 นาย ปิดล้อมบ้านพักอาศัยหลังหนึ่ง ที่นายวสันต์ ผู้ก่อเหตุเข้าไปหลบอาศัย หลังตำรวจรู้เบาะแสจากเพื่อนบ้านแจ้งเหตุไปว่า นายวสันต์ ขอเข้าไปหลบ และหลับนอนตั้งแต่ 2 ทุ่มวานนี้
ซึ่งทีมข่าวสังเกตบ้านหลังนี้ ทราบว่าเป็นบ้านของชาวบ้านใกล้กับบ้านของนายวสันต์ ผู้ก่อเหตุ ห่างกันประมาณ 500 เมตร จากข้อมูลเจ้าหน้าที่ตำรวจเผยว่า ขณะนี้ผู้ต้องหานอนหลับอยู่ภายในบ้าน และมีอาวุธปืน ขอให้ชาวบ้านรวมทั้งสื่อมวลชนระมัดระวังตัวเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ
ต่อมา 10.05 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญตัว แม่กับลูกสาว (ลูกแท้ ๆ) ของ นายวสันต์ ผู้ก่อเหตุ ให้เข้ามาช่วยเจรจาเกลี้ยกล่อม แต่ยังไม่สามารถเข้าไปได้ จึงต้องรอจังหวะให้นายวสันต์ตื่นนอนและพูดคุยโต้ตอบ กับเจ้าหน้าที่เสียก่อน
ระหว่างนั้น ทีมข่าวได้พูดคุยสอบถามกับ นางสะเหรา อายุ 83 ปี ผู้เป็นแม่ เปิดเผยว่า ตนโทรศัพท์ติดต่อลูกชายไม่ได้เลย เพราะว่าเมีย (คนตาย) เขาบล็อคตนทุกช่องทาง ทำให้ตนไม่ได้พูดคุยกับลูกชายมานานแล้ว ที่ผ่านมา ลูกชายไม่เคยมาหา ไม่เคยปรึกษาเงียบหายไปเลย ขนาดบ้านตนอยู่ไม่ไกลกับบ้านลูกชาย ลูกชายยังอยู่แต่กับเมีย
ซึ่งที่ผ่านมายอมรับว่า ทั้งคู่ทะเลาะกันบ่อยครั้ง ด่ากันสนั่นลั่นซอย แต่ตนไม่ทราบปมเหตุที่ทะเลาะกันยอมรับว่า ลูกชายเป็นคนขี้หึง เวลาทะเลาะกันไม่ยอมปล่อยให้เมียออกจากบ้าน ส่วนเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ ตนได้ยินทั้งคู่ด่าโคตรพ่อโคตรแม่กัน ทะเลาะกันหนักมาก
ด้าน พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ลงพื้นที่มาบัญชาการควบคุมวางแผนด้วยตัวเอง ทันทีที่ลงพื้นที่ได้กำชับสั่งการตำรวจค่อยๆแจ้งบ้านเรือนข้าง ให้ออกจากพื้นที่
เปิดเผยว่า ตอนนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจส่วนหนึ่ง ได้ทำการปิดล้อมบริเวณรอบบ้านเพื่อนบ้านที่ผู้ต้องหาเข้าไปหลบอาศัย ขณะนี้ยังไม่พร้อมที่จะเข้าไปภายในบ้าน กำลังทำการประเมินสถานการณ์เบื้องต้นอยู่ จะรอให้ผู้ต้องหาเจรจาโต้ตอบ หากยอมมอบตัวก็เป็นการดี หากไม่ยอมมอบตัวอาจจะหาทางเข้าไปภายในบ้านเพื่อทำการจับกุมผู้ต้องหา ซึ่งการจะเข้าไปภายในบ้านนั้นต้องรอให้ตัวผู้ต้องหาอ่อนแรงเสียก่อน เพราะไม่อยากให้เกิดการสูญเสียเกิด การปะทะขึ้น
จากการสอบสวนเจ้าของบ้าน ทราบว่า ผู้ต้องหาหลบอาศัยอยู่ภายในบ้านคนเดียว และยังไม่มีการตอบรับใด ๆ อยากให้ชาวบ้านรวมไปถึงสื่อมวลชนระมัดระวังตัว ยอมรับว่ายังประเมินสถานการณ์ไม่ได้ ทราบเพียงว่าผู้ต้องหามีอาวุธปืน และแม็กกระซีนขนาดยาวอยู่ภายในบ้าน ซึ่งปืนกระบอกดังกล่าวนี้เป็นอาวุธที่ใช้ก่อเหตุยิงเมีย 1 นัด จนเสียชีวิต คาดว่ายังมีกระสุนปืนอีกหลายนัดอยู่ภายในบ้าน อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเชื่อว่าปมเหตุเกิดจากเรื่องที่ทั้งคู่มักทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นประจำจนกระทั่งเกิดเหตุดังกล่าวนี้
ล่าสุด เมื่อเวลา 10.49 น. หน่วยสวาทตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำกำลังเกือบ 10 นายพร้อมอาวุธครบมือเข้าสมทบ โดยยังไม่ทันได้มีการปฎิบัติการเจรจาเกลี้ยกล่อม ก็เกิดการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับนายวสันต์ ผู้ก่อเหตุ มีเสียงปืนปะทะกันไม่ต่ำกว่า 10 นัด
หลังจากนั้นเสียงปืนสงบลง มีการแจ้งเหตุว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 1 นาย เร่งประสานรถพยาบาลเข้าพื้นที่ทันที ต่อมามีรายงานขอรถพยาบาลด่วนอีกหนึ่งคัน เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ็บเพิ่มอีกหนึ่งนาย รวมเป็นสองนาย ขณะที่รถพยาบาลเข้ารับตำรวจที่ 2 เจ็บนาย โดยทันทีก่อนกำลังตำรวจเริ่มทยอยออกจากพื้นที่ คาดมีการวิสามัญนายวสันต์ แต่รอคำยืนยัน จากพล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา อีกครั้ง
สำหรับตำรวจ 2 นาย ที่ได้รับบาดเจ็บ ถูกยิงเข้าที่ขา ตอนนี้ปลอดภัย นำส่งรพ.บางไทร เพื่อรักษาตัวต่อไป
สำหรับประวัติผัวเมียคู่นี้ โดยเฉพาะนายวสันต์ มีลูกติดเป็นลูกสาวหนึ่งคน ขณะที่ฝ่ายหญิงก็มีลูกติดอีกสองคน และอดีตทั้งคู่เคยเป็นศัตรูกันมาก่อน ชาวบ้านบอกว่าไม่รู้สาเหตุใดทั้งคู่ถึงคบหากัน ตลอดระยะเวลาที่คบหากันมักมีปากเสียงทะเลาะวิวาทกันเป็นประจำ
โดยเฉพาะตัวนายวสันต์ มีนิสัยชอบเล่นอาวุธปืน บางครั้งหัวร้อนยิงปืนขึ้นฟ้าภายในซอย จนชาวบ้านเองก็ไม่กล้าที่จะแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะจักนิสัยเป็นอย่างดี และภายในซอยบ้านนายวสันต์ มีแต่ญาติพี่น้อง แต่หลังจากนายวสันต์ ย้ายไปอยู่บ้านเมียชาวบ้านย่านนี้ก็ไม่ทราบว่าใช้ชีวิตอยู่กันอย่างไร
แต่อย่างไรก็ตามจากอุปนิสัยนายวสันต์ เป็นสาเหตุทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องนำกำลังปิดล้อม เพราะไม่สามารถประเมินสถานการณ์ว่าจะเจรจาได้อย่างไร และ พื้นที่ค่อนข้างขับแคบมีบ้านเรือนพี่น้องประชาชนอยู่มากกว่า 20 หลังคาเรือน ตำรวจจึงต้องใช้ยุทธวิธีอย่างรอบคอบ
Advertisement