จากกรณีค่ำวานนี้ (3 ม.ค.68) นายอรรรณพ ศรีสืบ อายุ 41 ปี หรือ ช่างสันต์ ซ่อมรถจักรยานยนต์ปืนโหด กระหน่ำยิง ร.ต.ท.บรรรัง เกษาพร อายุ 55 ปี รอง สวป.สน.สายไหม ด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม. ยิงเข้าที่ศีรษะและบริเวณร่างกาย รวม 7 นัด จนเป็นเหตุให้เสียชีวิต บริเวณหน้าร้านตัดผมชายแห่งหนึ่ง ถนนเฉลิมพงษ์ แขวงสายไหม เขตสายไหม กทม.
สืบเนื่องจาก ขณะเกิดเหตุ ร.ต.ท.บรรรัง ซึ่งออกเวรแล้วได้มานั่งดื่มกินที่บริเวณดังกล่าว โดยยังแต่งกายครึ่งท่อน จากนั้นมีชายต่างด้าวกับ ช่างสันต์ เกิดทะเลาะวิวาทกัน โดยชายต่างด้าวได้วิ่งมาขอความช่วยเหลือกับ ร.ต.ท.บรรรัง ทาง ร.ต.ท.บรรรัง จึงแสดงตัวว่าเป็นตำรวจเข้าระงับเหตุ ทำให้ ช่างสันต์ ไม่พอใจกลับไปเอาอาวุธปืนขนาด 9 มม. ที่อยู่ในร้านซ่อมรถจักรยานยนต์แล้วกลับมากระหน่ำยิงจนหมดแม็ก ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 4 ม.ค. 68 พนักงานสอบสวน สน.สายไหม นำตัว ช่างสันต์ ออกจากห้องคุมขังไปสอบปากคำเพิ่มเติมในช่วงเช้า หลังจากถูกควบคุมตัวได้ตั้งแต่เมื่อวาน โดยช่างสันต์ ยังมีท่าทีคล้ายคนเมาค้าง โดยมีภรรยาและเพื่อนนำอาหารมาเยี่ยม
ด้าน พ.ต.ท.สราวุธ บุตรดี รอง ผกก.(สอบสวน) สน.สายไหม กล่าวว่า วันนี้ตำรวจจะทำการสอบปากคำช่างสันต์เพิ่มเติม เนื่องจากเมื่อคืนที่ผ่านมา ช่างสันต์ยังไม่สามารถให้การได้ โดยหลังสอบปากคำแล้วเสร็จ วันนี้ก็จะนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ จากนั้นก็จะนำตัวไปฝากขังศาลมีนบุรีพร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นเหตุอุกฉกรรจ์และมีอัตราโทษสูง เบื้องต้นผู้ต้องหายังให้การวกวน จึงต้องทำการสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนข้อเท็จจริงทั้งสองคนไม่รู้จักกันมาก่อน ส่วนการมีปากเสียง ช่างสันต์มีปากเสียงกับบุคคลอื่นแล้วตำรวจเข้าไประงับเหตุ ส่วนผลการตรวจหาสารเสพติดในร่างกาย คาดว่าจะทราบผลในวันนี้
เบื้องต้น พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหา “ฆ่าเจ้าพนักงานขณะปฎิบัติหน้าที่ ,ครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ,พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะและยิงปืนในที่สาธารณะ”
ด้านเพื่อนของผู้ต้องหาบอกว่า ในฐานะที่เป็นเพื่อนกันรู้จักช่างสันต์มาตั้งแต่เด็ก ปกติจะเป็นคนเงียบขรึมไม่ได้เก็บกด ทำงานซ่อมรถมานานกว่า 10 ปี ตนเองก็เป็นลูกค้าประจำ ทุกครั้งที่เจอกันก็จะมีการสังสรรค์ และรู้ว่าช่างสันต์ ชอบดื่มสุรา ดื่มแล้วก็จะเข้านอน ส่วนวันเกิดเหตุตนเองไม่ทราบว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น จึงไม่สามารถตอบได้
เช่นเดียวกัน ภรรยาของผู้ต้องหา ปฎิเสธไม่รู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกิดจากอะไร เพราะปกติช่างสันต์จะทำงานอยู่ที่บ้านจนกระทั่งมาเกิดเหตุการณ์ ซึ่งตนเองมาอยู่ที่สถานีตำรวจตั้งแต่เมื่อคืน จนกระทั่งถึงเช้าก็ยังไม่ไดพูดคุยกับสามี จึงไม่ทราบข้อเท็จจริง
ต่อมาเวลา 11.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัว ช่างสันต์ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยระหว่างควบคุมตัวออกมาจากสถานีตำรวจ เพื่อขึ้นรถควบคุมผู้ต้องขัง ผู้สื่อข่าวได้พยามถามฉนวนการก่อเหตุ รวมถึงมีอะไรอยากจะแก้ตัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่ รู้จักกันมาก่อนหรือไม่ ทำไปเพราะอะไร ซึ่งช่างสันต์ สวมหมวก หน้ากาก อนามัย ปิดบังใบหน้า ก้มหน้าไม่ตอบคำถามแม้ช่วงที่ขึ้นรถควบคุมตัว หันไปมองนักข่าวที่พยายามสอบถามแต่ก็ไม่ตอบคำถามใดๆ
ขณะที่เพื่อนฝูงได้ซื้ออาหาร และน้ำดื่มมารอเยี่ยม แต่ไม่สามารถเข้าเยี่ยมได้ เนื่องจาก ช่างสันต์ ยังถูกคุมตัวสอบปากคำอยู่และถูกคุมตัวขึ้นรถเพื่อไปทำแผนทันที เพื่อนจึงรีบวิ่งมาตะโกนบอกว่าฝากข้าวเอาไว้ให้แล้วนะ
จากนั้นเวลา 11.10 น. ตำรวจคุมตัวช่างสันต์ มาถึงที่เกิดเหตุ คุมตัวนำชี้ ทำแผนรับสารภาพก่อเหตุยิง รองสว.ป.สายไหมจริงที่หน้าร้านตัดผม ซึ่งการทำแผนไม่ได้ซับซ้อน ใช้เวลาชี้เพียง 1 นาที ก็คุมตัวขึ้นรถไปส่งศาลอาญามีนบุรี
โดยระหว่างทำแผน ช่างสันต์ยกมือไหว้ พร้อมกล่าวคำขอโทษ พร้อมอ้างว่าไม่ได้ตั้งใจ ช่วงขึ้นรถไปแล้วก็ไม่ตอบอะไรนอกจากคำขอโทษ
นอกจากนี้ตลอดการทำแผนได้มีชาวบ้านของทั้งสองฝ่ายเข้ามาติดตามการทำแผนโดยฝ่ายของช่างสันต์ ออกมาให้กำลังใจบอกให้ช่างสันต์สู้ ๆ ขณะที่ฝ่าย รองสว.ป.สายไหม ผู้เสียชีวิตตะโกนสวนด่าทอไม่พอใจถามยิงน้องกูทำไม ก่อนที่ตำรวจจะควบคุมตัวแยกทั้งสองฝ่ายออกจากกัน
Advertisement