อ.เบียร์ ฅนตื่นธรรมเดือด กำลังดังคนจ้องล้ม ท้าดีเบตอนันต์ชัยได้ทุกเวที
อ.เบียร์ ฅนตื่นธรรมเดือด อ้างกำลังดังคนจ้องล้ม ควรใช้ประโยชน์จากตัวเองดีกว่า ท้าดีเบตอนันต์ชัยได้ทุกเวที ถ้าผิดพร้อมแก้ จ่อขอขมาพระผู้ใหญ่
คอนเทนต์แนะนำ
วันที่ 9 มกราคม 68 อาจารย์เบียร์ ฅนตื่นธรรม ชี้แจง หลังทนายอนันต์ชัย ไชยเดช มูลนิธิกองทัพธรรม ร้องฟันหมิ่นคณะสงฆ์ มหาเถรสมาคม และถูกร้องเอาผิดมาตรา 112 ก่อนหน้านี้
โดยอาจารย์เบียร์ ระบุถึงกรณีที่ทนายอนันต์ชัยไปแจ้งความเอาผิดที่กองปราบ ใน 3 ข้อหา คือ หมิ่นประมาท ,พ.ร.บ.คณะสงฆ์, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ว่า ก็ไม่ได้ติดใจอะไรอาจจะเป็นหน้าที่ของท่าน อาจจะเป็นเจตนาดีของท่านที่อยากทำในสิ่งนี้ ก็คงจะเป็นเจตนาดีของท่านที่จะปกปักรักษาคุ้มครองรักษาพระพุทธศาสนา ก็เป็นหน้าที่ของท่านไป ส่วนอาจารย์ ถ้ามีอะไรที่อาจารย์ทำผิดก็รับผิดชอบไปตามผิดแค่นั้นเอง
ถามว่ากังวลใจไหม ก็ไม่ได้กังวลใจอะไร อาจารย์พูดเสมอว่า เวลาอาจารย์ผิดให้ชี้แจงแก่อาจารย์ แจ้งแก่อาจารย์อาจารย์จะแก้ไขให้ ปัญหาตอนนี้คืออาจารย์กำลังดังเป็นกระแสของสังคม จริงๆแล้วทุกหน่วยงานควรแก่การใช้ประโยชน์แก่อาจารย์ ทนายกองทัพธรรม มีเจตนาในการปกปักรักษาคุ้มครองพระพุทธศาสนา อาจารย์มีเจตจำนงมีเจตนาในการเผยแพร่หลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนา จริงๆเราควรจะร่วมมือกัน อาจารย์ผิดเรื่องไหนบอกอาจารย์ ให้อาจารย์แก้ไข มันจะได้ไปในทางแนวเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องใช้เรื่องอำนาจ กฎหมายมายุ่งเกี่ยวกัน
ในคำสอนของพระพุทธเจ้าไม่ได้ให้ยุ่งเกี่ยวในเรื่องของกฎหมายบ้านเมือง หรือมานั่งฟ้องร้องกันมันเสียเวลา ในการเผยแพร่พระศาสนา เสียเวลาต่อคนที่เขาเข้ามาฟังธรรม กลับกลายเป็นมานั่งฟังคนทะเลาะกัน มันไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย แบบนี้มันไม่ใช่การรักษาศาสนา อันนี้เป็นการทำลายพระศาสนา ฉะนั้นถ้าอยากจะช่วยก็มาร่วมมือกันดีกว่าไหม ว่ามันเกิดอะไรขึ้น อาจารย์พร้อมจะปรับเสมอ ให้อาจารย์ปรับก่อนไหม ให้โอกาสอาจารย์ในการแก้ไขก่อนไหม ก่อนที่จะเริ่มต้นในการมาฟ้องร้องกันแบบนี้
ท่านจะจับผิดจะจับถูกทำได้หมด เพราะทุกคนมีสิทธิ์ในการดู เพราะว่าคลิปมันเป็นกระแสไวรัล แต่อาจารย์ไม่อยากให้ท่านพูดจับจ้องไปถึงสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งอาจารย์ไม่ได้มีเจตนาไปว่าท่านเลย ท่านไม่ได้อยู่ในฐานะที่เราเอาลงมาพูด หรือเอาอาจารย์ดึงเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องอะไรแบบนี้
ลำพังเพจที่ไม่ดีเอาคลิปอาจารย์ไปตัดใส่ร้ายป้ายสีถึงสถาบัน อันนี้ก็หนักพออยู่แล้ว ซึ่งอาจารย์ไม่ได้เกี่ยวข้องเลย อันนี้มาเอาเรื่องสมเด็จพระสังฆราชมาดึงให้อาจารย์ไปเกี่ยวข้องว่าอาจารย์ดูถูกเหยียดหยาม ซึ่งอาจารย์มีความเคารพต่อท่านมาก อาจารย์ก็ทำทุกอย่างด้วยความจงรักภักดี และด้วยความเคารพนอบน้อมต่อสมเด็จพระสังฆราช จะมาบอกว่าอาจารย์หมิ่น ซึ่งจริงแล้วอาจารย์พูดถึงหลักบริหารในเถรสมาคม ซึ่งอาจารย์ไม่ได้ดูถูกพระภิกษุสงฆ์ ไม่มีกรณีนี้แน่นอน
ในสมัยพุทธกาลใครผิดเขาตำหนิเลย ใครถูกก็ว่าถูก แม้แต่พระพุทธเจ้ายังตำหนิสาวกของพระพุทธองค์ว่าเป็นโมฆะบุรุษ สาวกด้วยกันก็ยังตำหนิกัน
คำถามคือ ตำหนิอาจารย์หรือยัง อันนี้เล่นร้องทุกข์กล่าวโทษกันเลย อาจารย์อยากจะบอกว่าคนที่ปั่นจริงๆคือพวก เพจที่มันใส่ร้ายป้ายสีอาจารย์ มีเพจดัง 2 เพจ แต่คนก็ไปฟังจากเพจนี้ แล้วสุดท้ายเพจพวกนี้หาหลักฐานอะไรกับอาจารย์ไม่ได้มันก็เงียบไปเรื่องอื่น แล้วก็ตัดคลิปมาลงโดยที่ไม่ใช่ความจริง แล้วคนก็ไปฟังแล้วก็เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันและเกิดกระแสสังคมมากมาย สุดท้ายมันกลับมาที่อาจารย์ว่าอาจารย์พูดจริงหรือพูดไม่จริง แต่อาจารย์ไม่ได้พูดออกไปจริง ไปดูคลิปเต็มๆว่าบริบทเจตนาที่อาจารย์พูดกำลังพูดถึงอะไร
อ.เบียร์ ระบุอีกว่า อยากจะบอกว่าสังคมไทยในปัจจุบันควรเปลี่ยนวิธีการใหม่ มันควรจะจะต้องกลับไปที่จุดเริ่มต้น ในการปั่นกระแสเรื่องนี้ให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้งกัน ได้มันเกิดจาก 2 เพจนี้ ประชาชนควรจับตามอง 2 เพจนี้ว่าเจตนามันคือเพื่ออะไร ตอนแรกขุดอาจารย์แค่เรื่องเงินบริจาค ว่าอาจารย์ฉ้อโกง ไปไปมามาไปขุดเรื่องล้มละลาย สุดท้ายทำอะไรไม่ได้ก็เริ่มตัดคลิปใส่ร้ายป้ายสีกับสิ่งที่อาจารย์เคยทำมาก่อน
คำถามคืออาจารย์ทุจริตอะไร ฉ้อโกงใคร ซึ่งก็ไม่ได้ฉ้อโกงและทุจริตใคร สุดท้ายเวลาอาจารย์ เปิดเผยแล้วบริสุทธิ์ไม่เห็นมีใครขอโทษอาจารย์สักคน
ถามว่าจะฟ้องใครไหม อาจารย์เบียร์ ระบุว่า อาจารย์ไม่ฟ้องอะไรทั้งนั้น อาจารย์ตั้งเจตนารมย์ตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า เราจะปกปักรักษาพิทักษ์ศาสนา เราต้องใช้หลักคำสอนของพระพุทธเจ้าในการปกปักรักษาพิทักษ์พระศาสนา ไม่ใช่เอาหลักกู ต้องเอาหลักการของพระศาสดา ดังนั้นตอนนี้เรากำลังใช้หลักเกณฑ์หลักของพระพุทธเจ้ากันอยู่หรือเปล่าในการจัดการปัญหานี้ หรือใช้หลักของตัวเองในการจัดการปัญหา อาจารย์เลยอยากบอกว่าที่พูดเสมอว่า มาพูดกันหน่อยมาเคลียร์กันหน่อย เพื่อที่จะได้เคลียร์ประเด็นสำคัญสำคัญ เราจะได้ช่วยกันปกปักรักษาศาสนา ต่อไปได้ อาจารย์ไม่ได้มีเจตจำนงทำลายศาสนา
ส่วนเรื่องที่บอกว่าอาจารย์มีการติดต่อขอพบเพื่อที่จะไปขอโทษนั้น อาจารย์ไม่ได้ติดต่อไปขอโทษ ก่อนหน้าที่อาจารย์จะติดต่อไป อาจารย์ไปออกรายการนึงมาแล้ว แล้วก็พูดกันในโต๊ะรายการนั้นแหล่ะว่า ถ้าเป็นไปได้อาจารย์อยากจะคุยกับเขาเพื่อเคลียร์ เพราะอาจารย์เห็นว่าเค้ามีความเห็นผิดหลายเรื่องหลายประการ พูดง่ายๆก็คือเขาเข้าใจอาจารย์ผิด เราก็เลยอยากจะชี้แจงเขา เพื่อให้เกิดความสบายใจ แต่ไม่ได้มีเจตจำนงที่จะเข้าไปขอโทษอาจารย์แค่ต้องการเคลียร์เผื่อเค้าเข้าใจผิด จะได้ไม่เกิดปัญหาประเด็นสังคม แต่สุดท้ายอาจารย์ขอว่าอยากคุย เขาไม่คุย เมื่อไม่คุยแล้วมันจะรักรักษาพระศาสนายังไง ไม่มีการคิดที่จะติติงกันตามธรรม ความเป็นเป็นผู้ใหญ่พอที่จะสามารถติเพราะอาจารย์เป็นผู้น้อย สอนอาจารย์หน่อย บอกอาจารย์หน่อย ทำไมไม่เห็นสอนเลย เดินมาสู่การร้องทุกข์กล่าวโทษที่กองปราบ ซึ่งก็ยังงงว่ามาถึงจุดนี้ได้ยังไง จนเรื่องบานปลายมา อาจารย์ก็ไม่เคยพูดถึงเขาในทางไม่ดีเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ดังนั้นขอให้มีโอกาส ถ้ามีโอกาสขอให้มาคุยกันหน่อยเถอะ เวทีไหนก็ได้ ใครจะเป็นคนกลางเอามานั่งคุยกัน อะไรผิดอาจารย์ยอมรับ อะไรถูกให้อาจารย์ทำต่อไป แล้วใช้โอกาสนี้ในการที่อาจารย์มีชื่อเสียงโด่งดังในการช่วยลงพระศาสนา สอนธรรมพระพุทธเจ้าให้ถูกต้อง เคลียร์ความเห็นผิด ล้างบางความเห็นผิดในโลกนี้ให้หมด นี่แหละเรียกว่าการพิทักษ์รักษาพระธรรม
พระพุทธเจ้า บอกว่า ศาสนาจะเสื่อมเพราะพระธรรมคำสอนของพระองค์ไม่มีพระภิกษุ หรือผู้ทรงธรรมวินัย ในการช่วยกันสอนธรรมะ ให้รู้แจ้งเห็นจริงตามหลักคำสอน แต่คำถามคือ ตอนนี้คนที่กำลังทำแบบนี้คืออาจารย์ ถ้าเราเห็นว่ามันผิดรีบบอกอาจารย์ อาจารย์จะได้ชี้แจงสิ่งที่ถูกต้องไปทั่วแผ่นดิน ใช้อาจารย์ได้ไหม อาจารย์มีกระบอกเสียงเต็มไปหมด คนติดตามเยอะไปหมด ถ้าหยิบอาจารย์ไปฉวยโอกาสในครั้งนี้ แล้วให้อาจารย์พูดตามหลักคำสอน ทำไมไม่ทำกันแบบนี้ มันจะได้จบ เรื่องจบไป แล้วไม่ต้องกังวลอะไรที่อาจารย์ผิด อาจารย์จะเข้าไปกราบขอโทษ อย่างเรื่องมหาเถรสมาคม คำพูดเหล่านั้นถ้าคิดว่ามันรุนแรง อาจารย์มีความเคารพต่อพระสงฆ์ มีความเคารพต่อพระพุทธเจ้า ดังนั้นอาจารย์จะเข้าไปกราบท่านแน่นอน ที่อาจารย์ทำเกินกว่าเหตุและคำพูดจาอาจจะดูรุนแรงเกินกว่าเหตุจากเจตนาดีของอาจารย์ อาจารย์พร้อมเข้าไปขอขมาลาโทษ พร้อมเข้าไปขอโทษเสมอ ซึ่งจะเข้าไปเร็วๆนี้
Advertisement
