สภาพแสงเพลิงที่กำลังโหมลุกไหม้บ้านพักภายในชุมชนกลางซอยไพโอเนีย หมู่ที่ 2 และหมู่ที่ 6 ตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งส่วนใหญ่ปลูกเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวติดกันจำนวนหลายหลัง แสงเพลิงเกิดขึ้นที่บ้านหลังหนึ่งกลางชุมชน ก่อนจะลุกลามอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้พักอาศัยและกลุ่มแรงงานต่างด้าวต่างจะอพยพหนีตาย และขนข้าวของภายในบ้านพักของตัวเองออกมายังพื้นที่ปลอดภัย ขณะที่แรงงานพม่าและคนไทยกว่า 20 คนต้องช่วยกันยกรถกระบะที่จอดอยู่ในโรงจอดรถ และไฟกำลังลุกลามมาถึง โดยได้พลังความสามัคคียกรถออกมาได้อย่างปลอดภัยด้วยมือเปล่า
ขณะที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจากอบต.บางโฉลง ต้องระดมรถดับเพลิงเกือบ 10 คัน พร้อมกับหน่วยบรรเทาสาธารณภัยต้องช่วยกันฉีดน้ำสกัดเพลิงไม่ไม้ลุกลาม สร้างความเสียหายมากไปกว่านี้ ใช้เวลากว่าชั่วโมงครึ่ง จึงสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ ซึ่งพอเพลิงสงบเจ้าที่พบร่างหญิงวัย 49 ปี ถูกไฟคลอกเสียชีวิตคากองเพลิง ภายในบ้านพักของตัวเอง
ด้านนางสาวอ่อน อินสมบัติ หนึ่งในบ้านพักที่ถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหลัง ซึ่งเจ้าตัวถึงกับหลั่งน้ำตาร้องไห้ด้วยความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอบอกว่า บ้านพักเธอสิ่งของภายในบ้านรวมถึงพระเครื่องและเครื่องไม้เครื่องมือที่ทำอาชีพเลี่ยมกรอบพระ และสิ่งของต่างๆแม้แต่เอกสารสำคัญถูกไฟไหม้จนหมดตัว ตอนเกิดเหตุตนเองออกไปทำงาน มีคนโทรมาบอก ตอนโทรไปไฟยังไม่ถึงบ้าน พอมาถึงก็ไหม้วอดทั้งหลังแล้ว
เช่นเดียวกับนางลำจวน จันทร์อ่อน หนึ่งในบ้านพักที่ถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหลังเช่นกัน บอกว่า ตนเองมีอาชีพเป็นแม่ค้าขายผัก ข้าวของเครื่องใช้ไฟไหม้ เสื้อผ้าที่นอนถูกไฟไหม้จนหมด แถมเงินสดกว่าหกหมื่นบาท ที่ขายผักได้ก็สะสมไว้ตั้งใจ เพื่อจะเอาไปใช้หนี้สินที่หยิบยืมมาตอนนี้ไม่เหลือเลย
ด้านนายชอุ่ม แตงโสภา นายกอบต.บางโฉลง กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบและให้ความช่วยเหลือ เบื้องต้นที่เกิดเหตุบ้านพักและห้องเช่าถูกไฟไหม้คร่าวๆประมาณ 10 หลัง ซึ่งได้ให้เจ้าหน้าที่และกำนัน ได้สำรวจครอบครัวผู้เสียหาย พร้อมทั้งจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวที่วัดบางโฉลงใน พร้อมเร่งจัดหาเครื่องนุ่งห่มและที่นอนหมอนมุ้ง ส่วนอาหารทาง อบต.จะดำเนินการเรื่องอาหารการกินให้กับผู้ประสบภัย
ส่วน พ.ต.อ.ไพโรจน์ เพ็ชรพลอย ผู้กำกับ สภ.บางพลี ระบุว่า ต้นเพลิงเกิดขึ้นที่บ้านพักของผู้เสียชีวิต ซึ่งผู้เสียชีวิตอยู่บ้านเพียงลำพัง ส่วนสาเหตุยังไม่สามารถระบุได้ว่าเกิดจากอะไร สันนิษฐานว่าอาจมาจากไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งสาเหตุที่แน่ชัดจะต้องรอพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบอีกครั้ง พร้อมทั้งกำชับพนักงานสอบสวนเชิญผู้เกี่ยวข้องและพยานไปสอบปากคำที่โรงพักอีกครั้ง
Advertisement