หลังจากที่นายจีรวัฒน์ ศิวพรพิทักษ์ อายุ 56 ปี พ่อของนายจักรภัคร หรือ น้องจูเนียร์ อายุ 21 ปี ที่ถูกนายศิริศักดิ์ นันทเสน หรือติ๊ก ชิโร่ อายุ 63 ปี ศิลปินนักร้องชื่อดังขับรถตู้ชนรถจักรยานยนต์เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านี้น้องจูเนียร์ มีอาการสาหัสและพักรักษาตัวได้มาจนกระทั่งเสียชีวิตเมื่อวานนี้ (18ม.ค.68) ได้เดินทางไปติดต่อรับเอกสารการเสียชีวิตเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
จากนั้นในช่วงเวลาประมาณ 11:30 นายจีรวัฒน์ ได้เดินทางมาพบนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เพื่อมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม โดยคุณพ่อกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ก็ได้ติดต่อขอความช่วยเหลือกับเพจสายไหมต้องรอดแล้ว และที่ผ่านมาก็อยู่ในระหว่างการติดต่อเจรจาพูดคุยกับติ๊ก ชีโร่ มาโดยตลอด แต่ก็ไม่ได้ข้อสรุปและอยากเห็นความจริงใจจากติ๊ก ชีโร่ มากกว่านี้ เนื่องจากเห็นว่าที่ผ่านมา ติ๊ก ชีโร่ ส่งแต่ตัวแทนเข้ามาพูดคุยและยืนกรานจะต่อสู้คดีในชั้นศาล แม้ว่าจะรับสารภาพในชั้นพนักงานสอบสวนก็ตาม
ซึ่งมาวันนี้ก็สูญเสียลูกไปแล้วถึง 2 คน จึงกังวลว่าอาจจะไม่รับความเป็นธรรม ซึ่งนายเอกภพ ได้สอบถามคุณพ่อว่า ที่ผ่านมาเคยได้เงินสักบาทนึงไหมนอกเหนือจากค่างานศพ คุณพ่อก็บอกกับนายเอกภพว่า นอกจากค่างานศพแล้ว ก็ไม่ได้เงินเลยแม้แต่บาทเดียว มีเพียงแต่การออกค่าใช้จ่ายที่ดูแล ที่ศูนย์ฟื้นฟูขณะที่น้องจูเนียร์ ยังมีชีวิตอยู่ประมาณ 82,000 บาท ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายตามจริง
ด้านนายเอกภพ เปิดเผยว่า จากกรณีที่เกิดขึ้นนั้น สิ่งหนึ่งที่คุณพ่อเป็นกังวลคือเรื่องการเสนอชดใช้ด้วยที่ดินนั้น คุณพ่อไม่ทราบว่าที่ดินดังกล่าวมีอยู่จริงหรือไม่ จะสามารถขายได้เท่าไหร่และมีรายละเอียดอย่างไร ซึ่งเรื่องนี้ ตนอยากให้ติ๊ก ชีโร่ออกมารับผิดชอบพูดคุยด้วยตนเอง ไม่ใช่เพียงแค่ส่งตัวแทนมาพูดคุย อย่างน้อยที่สุดการเยียวยาจะเป็นเหตุบรรเทาโทษได้และการพูดคุยซึ่งหน้า จะสามารถตกลงได้รู้เรื่องกว่า
ขณะที่จากการพูดคุยกับ ผกก.สน.คันนายาว ทาง ผกก. เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวนไปขอผลการชันสูตรพลิกศพจากนิติเวชแล้วและจะพูดคุยกับครอบครัวน้องจูเนียร์ว่าประสงค์จะเรียกค่าเสียหายเพิ่มหรือไม่ เพื่อที่จะเรียกทั้งสองฝ่ายมาเจรจาพูดคุยกันใหม่
ส่วนเรื่องการสรุปสำนวนคดีส่งฟ้องต่อพนักงานอัยการนั้น หลังจากการเสียชีวิตของน้องจูเนียร์ ก็เตรียมที่จะเพิ่มข้อกล่าวหาประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายกับติ๊ก ชีโร่ เพื่อส่งฟ้องต่อพนักงานอัยการต่อไป
นายเอกภพ ยังเปิดเผยอีกว่า เนื่องจากกฎของประกันภัยที่ระบุว่า จะไม่จ่ายเยียวยาในกรณีที่เมาแล้วขับ ซึ่งตนมองว่า ผู้เสียหายในคดีเมาแล้วขับจะไม่ได้อะไรเลย จึงอยากเรียกร้องให้ คปภ. แก้กฎใหม่ว่า ควรให้ประกันภัยจ่ายเยียวยาผู้เสียหายตามจริง แล้วค่อยไปไล่เบี้ยกับผู้เมาแล้วขับภายหลัง
Advertisement