แร็พเปอร์หนุ่มชี้แจงแล้ว ปมบุกโรงเรียนหาเรื่องเด็กมัธยม
แร็พเปอร์หนุ่มชี้แจง ปมบุกโรงเรียนหาเรื่องเด็กมัธยม ยืนยันไม่มีเจตนาข่มขู่ แค่ต้องการไปเจรจาอย่างสันติ
จากกรณีมีแร็พเปอร์ใต้ดินรายหนึ่ง ได้บุกไปหาเด็กมัธยมถึงโรงเรียน เนื่องจากไม่พอใจที่อีกฝ่ายทำเพลงแร็พดิสด่า (Diss Track) แถมยังมีเด็กหญิงวัย 12 ปีกับ 15 ปี ออกมาแฉซ้ำ ถึงพฤติกรรมต่างๆของหนุ่มแร็พเปอร์คนดังกล่าว อีกด้วย
คอนเทนต์แนะนำ
ล่าสุดแร็พเปอร์หนุ่มใต้ดินรายดังกล่าวได้โพสต์คลิปชี้แจง ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า
ขอยืนยันอย่างบริสุทธิ์ใจว่าสิ่งที่ตนพูดทั้งหมดเป็นความจริง แต่ทุกคนจะเชื่อหรือไม่เชื่อเป็นสิทธิ์ของทุกคน ตนเคารพความคิดทุกคนและตนบังคับความคิดใครไม่ได้
ต้องท้าวความไปก่อนว่า เด็กนักเรียนที่เห็นในคลิปเคยเป็นลูกน้องที่ตนสนิทและไว้ใจมากๆ ซึ่งรู้จักกันตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ด้วยความที่ตนมีประสบการณ์แร็พมาพอสมควร ตนพอมองออกว่าน้องคนนี้มีของ ตนเลยซัพพอร์ตเขาในเรื่องเพลงหลายๆอย่าง ทั้งช่วยอัดเพลง ช่วยทำดนตรีให้และพาไปที่บ้าน ตลอดจนพาไปแข่งขันในรายการต่างๆ และเคยได้แชมป์มาแล้วรายการหนึ่ง ซึ่งเป็นแชมป์คู่ที่ทำด้วยกัน ตนคุยกับเขามาเรื่อยๆ แต่พอเริ่มสนิทกันมาในระดับหนึ่ง มันเริ่มมีนิสัยบางอย่างของเขาที่ทำให้ตนรู้สึกไม่สบายใจ แล้วก็อึดอัดในระดับหนึ่ง ทั้งล้อปมในใจตน ที่ตนเคยเป็นโรคซึมเศร้าและตอนนี้ก็ยังเป็นกำลังรักษาอยู่
ซึ่งตนได้บอกเขาตลอดว่า ตนไม่โอเคกับสิ่งที่เขาทำ แต่คำตอบที่ตนได้รับกลับมาคือ เขาอ้างว่าต้องการทำให้ตนแข็งแกร่งขึ้น จะได้รับอะไรแย่ๆได้ ตนเลยทนมาโดยตลอด แต่พอมันเริ่มมากๆเข้า ตนมาทบทวนอีกที ปรึกษาผู้ใหญ่หลายๆคน รวมถึงนักจิตวิทยาที่ตนกำลังได้รับการบำบัดในโรงพยาบาล คำตอบไปในทิศทางเดียวกัน คือไม่มีต้นไม้ต้นไหนจะเจริญเติบโตได้อย่างสมบูรณ์แบบจากการรดน้ำกรด ถ้าเขาตั้งใจจะให้ตนเติบโตจริงๆ หลายๆคนบอกว่าเขาควรแนะนำในสิ่งที่ตนผิดพลาดมากกว่าซ้ำเติม และแนะนำให้ออกห่าง
หลังจากนั้นก็ดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผ่านไปประมาณ 2-3 สัปดาห์ เขาเริ่มโพสต์ด่าตนและแซะตน บวกกับตนได้ยินมาจากเพื่อนกลุ่มหนึ่ง ว่าเขาจะทำเพลง Diss Track พูดง่ายๆก็คือเพลงด่าตน ซึ่งตนยังไม่ทราบแน่ชัดในเรื่องนี้ ซึ่งตนไม่ได้กลัวการโดนด่า เพียงแค่ไม่อยากให้เรื่องมันบานปลาย เพราะที่ผ่านมาเขาก็เป็นรุ่นน้องคนหนึ่งเลยที่ตนรัก และอีกอย่างมีคนไม่ชอบตนเยอะพอสมควรในวงการ ตนตั้งใจมาตลอดว่าตนไม่ตอบกลับคนที่ด่า
ตนกับเพื่อนที่เห็นด้วยกับเรื่องนี้มาโดยตลอด จึงตัดสินใจโทรหาเขาในคืนวันนั้น แต่เขาไม่รับสาย เลยตัดสินใจไปหาเขาที่โรงเรียน โดยจุดประสงค์ที่เข้าไปวันนั้น คือต้องการไปเจรจาอย่างสันติ และหลายๆคนที่เห็นในเหตุการณ์นี้ก็ไม่ได้ทำท่าทีกีดกันแต่อย่างใด วันนั้นตนยืนยันอย่างบริสุทธิ์ใจว่าผ่านกระบวนการของโรงเรียนทุกอย่าง ไม่ใช่การพุ่งเข้าไปโดยพลการ
อีกเรื่องคือคลิปที่ออกไปนั้น ถ่ายในมือถือของเพื่อนตนที่ไปด้วยกันในวันนั้น เป็นแค่ช่วงหนึ่งของการเจรจากันที่ไม่ลงรอยในบางอย่าง ซึ่งเป็นการถ่ายเก็บไว้เป็นหลักฐาน หลังจากนั้นตนได้ส่งคลิปนี้ไปปรึกษารุ่นพี่คนหนึ่งที่ตนไว้ใจ ซึ่งรุ่นพี่คนนั้นได้ให้คำปรึกษาตนในระดับหนึ่งมาพอประมาณ แต่สุดท้ายรุ่นพี่คนนั้นกลับนำคลิปทั้งหมดไปแชร์ต่อ ในลักษณะตัดเฉพาะท่อนเดียวเท่านั้น
หลังจากเกิดเหตุการณ์จบ เราได้ไปคุยกับครูฝ่ายปกครอง ทางครูได้มีการเรียกผู้ปกครองรวมถึงตัวน้องเอง มาเคลียร์ใจ และรุ่งขึ้นตนได้รับโทรศัพท์จากครู พร้อมกับคำขอโทษที่แม่น้องฝากมาและสัญญาว่าจะต่างคนต่างอยู่ ตนยืนยันด้วยความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้มีเจตนาข่มขู่จริงๆ หากตนมีเจตนาคงไม่มีโรงเรียนไหนที่ไม่ชาร์จตัว แถมยังเข้าใจ ในประเด็นที่เกิดขึ้นด้วย และตนสามารถชี้แจงได้ทุกประเด็นที่เกิดขึ้น
Advertisement
