วันที่ 30 ม.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงบ่ายวันที่ 29 ม.ค. ที่ผ่านมา มีพลเมืองดี ถ่ายภาพรถจักรยานยนต์คันหนึ่ง ล้มอยู่ใกล้กับรถเก๋งหรู ที่บริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่งย่านพระราม 9 ก่อนแจ้งตำรวจ ภายหลังพบเห็นเหตุการณ์ทะเลาะวิวาท ระหว่างชายขับรถเก๋ง กับชายขี่รถจักรยานยนต์ ก่อนที่ชายขับรถเก๋งจะลากตัวชายขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปภายในบ้าน และมีเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด
โดยจุดเกิดเหตุ บริเวณซอยพระราม 9 ซอย 35 เขตบางกะปิ กรุงเทพ พบว่าเป็นที่ตั้งบริษัทแห่งหนึ่ง ทำธุรกิจแห่งหนึ่งเกี่ยวกับค้าส่ง ส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูป โดยมีการก่อสร้างรั้วกำแพงและประตูรั้วบ้านสูงประมาณ 2 เมตรครึ่ง และมีการทำรั้วไฟฟ้าแรงสูงรอบบ้าน มีการติดตั้งกล้องจำนวนหลายมุมหันออกมานอกบ้าน
ซึ่งบริษัทแห่งนี้นายสิริอานนท์ (สงวนนามสกุล) อายุ 46 ปี ผู้ก่อเหตุพักอาศัยอยู่ ส่วนตัวอาคารบ้านพักมีขนาดใหญ่ มีสระว่ายน้ำและมีอาคารสูง 2-3 ชั้น ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวมี นายอุทิตย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 46 ปี เป็นไรเดอร์ผู้บาดเจ็บ
นายท็อป (นามสมมติ) ผู้เห็นเหตุการณ์ในพื้นที่ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงบ่ายตัวเองทาสีอยู่ตรงข้ามกับจุดเกิดเหตุ ได้ยินเสียงปืน 1 นัด กระสุนดังกล่าวมาโดนรั้วบ้านเจ้านาย แต่เจ้านายไม่กล้าแจ้งความ เพราะเพื่อนบ้านที่ก่อเหตุรู้จักนายใหญ่ที่เป็นข้าราชการในพื้นที่ และมีคนบอกว่า มีผู้ชายซึ่งอยู่บ้านตรงข้าม ก่อเหตุทำร้ายร่างกายคนขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง และเป็นไรเดอร์ด้วย โดยได้ลากตัวเข้าไปในบ้าน ตนเองจึงออกมาดูพบรถจักรยานยนต์ล้มอยู่ใกล้กับรถเก๋งหรู ซึ่งเป็นของเจ้าของบ้านหลังเกิดเหตุ
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นนานกว่า 2 ชั่วโมง ก่อนที่ตำรวจจะเข้าพื้นที่ และสามารถช่วยผู้บาดเจ็บออกมาได้
ผู้เห็นเหตุการณ์ยังเล่าว่า เจ้าของบ้านรายนี้ย้ายมาอาศัยที่บ้านหลังดังกล่าวประมาณ 3 ปี ที่ผ่านมาพบพฤติกรรมเจ้าของบ้าน มีนิสัยชอบส่งเสียงดัง และอวดเบ่ง ทำให้ไม่มีใครอยากสุงสิงด้วย
ขณะที่ นายอุทิตย์ ผู้ขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง ซึ่งเป็นผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ผู้ก่อเหตุยิงปืน 1 นัดเสร็จ บริเวณประตูบ้าน ก่อนจะเอาปืนมาจ่อหัว และตบหัวหลายครั้ง จากนั้นลากตนไปเตะ จนต้องกราบขอร้องชีวิต และบอกเขาว่าตนมารับออเดอร์ แต่เขาไม่ฟังอะไรเลย ยังเตะตนต่อเนื่อง เรียกง่ายๆ ซ้อมเหมือนหมา ตนกราบเท้าเขาถึง 20 ครั้ง เขายังไม่ยอมปล่อย พอกราบ เขาเตะยอดหน้า แล้วถีบ กระทืบ วนอยู่อย่างนี้ สุดท้ายเขาเอาปืนออกมาวางโชว์ 5 กระบอก แล้วยังหักแขน ล็อกคอ คล้ายจะเอาชีวิตตนให้ได้ สิ่งที่ทำให้รู้สึกกลัวมากที่สุด ตอนเขาบอกว่า "กูจะหมกมึงเหมือนหมาข้างบ้านนี้เลย"
ตนไม่ทราบว่าไปทำอะไรให้เขา จนโดนทำร้ายขนาดนี้ และเขายังกล่าวหาว่าตนเป็นสายลับ ซึ่งคนที่เรียกไปรับพัสดุ น่าจะเป็นภรรยาเขา หลอกให้ตนไปสอดแนมว่ามีใครอยู่กับเขาหรือไม่ แต่ลักษณะคนที่สั่งออเดอร์ตน ให้ไปรับของ โทรมาบอกว่าขอคุยกับผู้ก่อเหตุ แต่เขาไม่คุย แล้วเอาปืนมาตบ และซ้อมตน จนสุดท้ายแม่เขาเข้าไปในบ้าน และตำรวจตามเข้าไปช่วยตนรอดมาได้ หลังเกิดเหตุตำรวจได้พาตัวมาสอบปากคำที่ สน.หัวหมาก
ด้าน พ.ต.อ.พรทวี สมวงค์ ผกก.สน.หัวหมาก เปิดเผยว่า ช่วงประมาณ 15.30 น. ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า พบเห็นชายกระชากชายขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปในบ้านย่านพระราม 9 จากนั้นได้ยิงเสียงคล้ายปืน เมื่อตนเองและตำรวจไปถึงที่เหตุพบมีมารดาผู้ก่อเหตุมาแสดงตัว และพาตำรวจเข้าไปตรวจสอบภายในบ้าน
เมื่อเข้าไปภายใน ตำรวจพบทั้ง 2 ฝ่าย ฝ่ายผู้ก่อเหตุพบมีลักษณะคล้ายคนมึนเมา ส่วนผู้เสียหายมีอาการบาดเจ็บ จากการตรวจสอบเบื้องต้น ในบ้านพบอาวุธปืนแมกกาซีนวางอยู่ 5 กระบอก บนโต๊ะห้องรับแขก
จากการสอบปากคำผู้ก่อเหตุ พบว่ายังอยู่ในอาการมึนเมา อ้างว่า ในช่วง 4-5 วันที่ผ่านมา มีคนขี่รถจักรยานยนต์มาสำรวจบริเวณหน้าบ้าน และกดกริ่งสร้างความเดือดร้อนรำคาญ ซึ่งวันนี้ก็เช่นกัน ตนเองจึงลงมือก่อเหตุดังกล่าว เพราะผู้บาดเจ็บมีพฤติกรรมบุกรุก
ผู้บาดเจ็บให้การว่า เข้าไปในพื้นที่ เพราะได้รับคำสั่งงานส่งพัสดุ เบื้องต้นจะเรียกพยาน และคนขับรถผู้ก่อเหตุมาสอบปากคำเพิ่มเติม โดยขณะนี้ตำรวจจะแจ้ง ข้อกล่าวหากับผู้ก่อเหตุก่อน 2 ข้อหา คือทำร้ายร่างกาย และหน่วงเหนี่ยวกักขัง ส่วนข้อหาเกี่ยวกับอาวุธปืนทั้งหมด เช่น การครอบครอง และพฤติกรรมการยิงปืนขึ้นฟ้าในที่สาธารณะอยู่ระหว่างตรวจสอบ เบื้องต้นพบปืนมีทะเบียนถูกต้อง แต่จะมีรายชื่อตรงกับผู้ครอบครองหรือไม่ ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบอีกระยะ หากมีพฤติการณ์เข้าข่ายผิดจริงอาจถูกดำเนินคดีในข้อหาพยายามฆ่า
Advertisement