ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม ภายใต้การอำนวยการโดยพล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ.รรท.ผบก.ป., พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม รอง ผบก.ป.,พ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป., พ.ต.ท.อัครพล มณีวรรณ, พ.ต.ท.สมเดช สาระบรรณ์, พ.ต.ท.ธนศักดิ์ สว่างศรี,พ.ต.ท.อภิชน ขันกา และ พ.ต.ท.พชรเดช บุญฤทธิ์ รอง ผกก.1 บก.ป.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.เอกรัฐ จันทร์มณี สว.กก.1 บก.ป., ร.ต.อ.ดิฐาศักดิ์ โชติเธียรศรณ์ รอง สว.กก.1 บก.ป., ร.ต.ท.เดชา คำรังษี รอง สว.(ป.) กก.1 บก.ป., ด.ต.สิทธิศักดิ์ แสนยะบุตร และ จ.ส.ต.ฐนิศร์ ร่มเงิน ผบ.หมู่ กก.1 บก.ป.
ร่วมกันจับกุม น.ส.อรทัยฯ อายุ 52 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 626/2563 ลงวันที่ 7 พฤษภาคม 2563 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “อั้งยี่, ซ่องโจร, มีส่วนรวมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันฟอกเงิน”
สถานที่จับกุม บริเวณห้องผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ ท่าอากาศยานหาดใหญ่ ม.3 ต.คลองหลา อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา
สืบเนื่องจากเมื่อประมาณปี 2560 ผู้ต้องหาได้เดินทางไปทำงานที่ร้านนวดในประเทศมาเลเซีย และได้พบรักกับหนุ่มผิวสีชาวไนจีเรีย ผ่านการแนะนำของเพื่อนที่ทำงานด้วยกัน จากนั้นแฟนหนุ่มชาวไนจีเรียได้รับผู้ต้องหามาอยู่ด้วยกัน และได้ดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายทุกอย่าง โดยที่ผู้ต้องหาไม่ต้องทำงาน ซึ่งระหว่างอยู่ด้วยกัน ผู้ต้องหาทราบว่า แฟนหนุ่มสนใจจะเปิดบริษัทในประเทศไทย หลังจากอยู่ด้วยกันเกือบ 2 ปี แฟนหนุ่มชาวไนจีเรีย ได้ชักชวนให้ผู้ต้องหาเปิดบัญชีให้ เพื่อทำธุรกรรมทางการเงินโดยให้เหตุผลว่า ตนเองเป็นชาวต่างชาติไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินในประเทศไทยได้ โดยจะได้รับค่าตอบแทนในการเปิดบัญชี บัญชีละ 6,500 บาท
ซึ่งผู้ต้องหาก็ได้ทำการเปิดบัญชีไว้หลายบัญชี จากนั้นมอบบัญชีให้แฟนหนุ่มชาวไนจีเรียเป็นผู้ดำเนินการ ฝาก-ถอน ทั้งหมด ซึ่งจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่าบัญชีธนาคารที่ผู้ต้องหาได้เปิดให้กับแฟนชาวไนจีเรีย เป็นบัญชีธนาคารที่มีเส้นทางการเงินเกี่ยวข้องกับบริษัทที่มีการรับโอนเงินเกี่ยวข้องกับคดีของนางสาวชมานันทน์ฯ กับพวกร่วมกันลักทรัพย์เอาเงินของบริษัทอื่น โดยที่มีการลักลอบโอนเงินจากบัญชีเงินฝากของบริษัทดังกล่าวจำนวนหลายครั้ง ทำให้บริษัทดังกล่าว ได้รับความเสียหายเป็นเงิน 6,223,872,674.31 บาท จนนำไปสู่การออกหมายจับผู้ต้องหา
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า ผู้ต้องหาได้หลบหนีไปทำงานอยู่ที่ประเทศมาเลเซียและทราบว่า ผู้ต้องหาจะเดินทางกลับประเทศไทยเพื่อเยี่ยมลูก
ซึ่งเดินทางจากประเทศมาเลเซีย มายังท่าอากาศยานหาดใหญ่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้วางแผนจับกุมและได้ประสานให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองด่าน ตม.ทอ.หาดใหญ่ เฝ้าสังเกตุการณ์บริเวณห้องผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ ต่อมาเวลาประมาณ 15.25 น. เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองด่าน ตม.ทอ.หาดใหญ่ ได้พบผู้ต้องหา
จึงขอดูหนังสือเดินทาง พบว่าเป็นผู้ต้องหาจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวและแสดงหมายจับให้ผู้ต้องหาทราบ ผู้ต้องหายอมรับว่า เป็นบุคคลตามหมายจับจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการจับกุมตัวผู้ต้องหาและนำส่งพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
Advertisement