เมื่อวันที่ 7 ก.พ. พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รรท.รอง ผบช.สอท. พ.ต.อ.ศุภกร ผิวอ่อน รรท.ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.บัญชา ศรีสุข รอง ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.ฐาปกรณ์ หนุมาศ ผกก.3 บก.สอท.5 พ.ต.ท.ปฐมพงศ์ มีอยู่ รอง ผกก.3 สอท.5 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ กก.3 บก.สอท.5 จับกุมตัวนางสาวอาทิตยา อายุ 24 ปี ลูกสาวของนางเรวดี หรือ “เจ๊เล็ก” รองนายกเทศมนตรีจันดี บุคคลในครอบครัวผู้มีส่วนเกี่ยวข้องรับผลประโยชน์ ตามหมายจับของศาลจังหวัดทุ่งสงที่ 155/2567 ลงวันที่ 8 พฤษภาคม 2567 จับกุมตัวได้ที่บริเวณหน้าบ้านพื้นที่ ม.5 ต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร
สืบเนื่องจากเมื่อ 29 มี.ค. 67 เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ตำรวจสืบสวน ภ.8 ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่ กสทช. เข้าปูพรมตรวจค้นเป้าหมาย 4 จุด ในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนรายใหญ่ ที่ลักลอบตั้งฐานแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกคนไทย,ชาวจีน,ชาวรัสเชียและชาวญี่ปุ่น โดยครั้งนั้นจับกุมขบวนการชาวจีน และผู้ร่วมขบวนการทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ รวม 90 คน พร้อมยึดของกลาง คอมพิวเตอร์ 192 เครื่อง, มือถือและซิมผี 854 เครื่อง, Router กระจายสัญญาณ 22 เครื่อง, และบัญชีม้า 342 เล่ม ซึ่งจากการขยายผลพบความเชื่อมโยงว่าขบวนการดังกล่าวมี นางสาวเรวดี อายุ 51 ปี หรือเจ๊เล็ก รองนายกเทศมนตรีจันดี ซึ่งเป็นเจ้าของสถานที่กลุ่มคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนมาใช้ปฎิบัติการ และได้ผลประโยชน์จากการเช่าอาศัย
จากการสืบสวนพบว่านางสาวอาทิตยา ผู้ต้องหาหมายจับศาลจังหวัดทุ่งสง ได้หลบหนีจากพื้นที่ตำบลจันดี อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช มาพร้อมกับสามีซึ่งเป็นชาวจีน โดยได้มาเช่าอาคารพาณิชย์ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อขายสินค้าออนไลน์ ซึ่งเป็นสินค้าที่นำเข้าจากประเทศจีน พร้อมลูกน้องชาวไทยอีกบางส่วน
แต่จากการสืบสวน เชื่อว่านางสาวเรวดี ซึ่งเป็นมารดาของนางสาวอาทิตยา และเคยดำรงตำแหน่ง อดีตรองนายกเทศมนตรีตำบลจันดี พร้อมนายหลิน กันหยาง สามีซึ่งเป็นชาวจีน และถูกศาลอนุมัติหมายจับในความผิดเกี่ยวกัยคดีคอลเซนเตอร์ทั้ง 2 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงลงพื้นที่สืบสวนตรวจสอบทราบว่านางสาวอาทิตยา ผู้ต้องหาตามหมายจับมาบ้านหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไปดักชุ่มอยู่บริเวณหน้าบ้านหลังดังกล่าวจนกระทั่งนางสาวอาทิตยา ผู้ต้องหาตามหมาย ลงรถมายืนอยู่บริเวณหน้าบ้านหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแสดงหมายจับเข้าจับกุมตัวนางสาวอาทิตยา พร้อมโทรศัพท์มือถือเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบมือถือพบว่ามีการพูดคุยกับ นางเรวดี หรือเจ๊เล็ก ผ่านทาง ไลน์ ไม่มีเบอร์โทรติดต่อของ นางเรวดี หรือเจ๊เล็กในมือถือ และหลบหนีอยู่ในประเทศไทย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีข้อมูลแล้ว อยู่ระหว่างการสืบสวนติดตามจับกุมตัว และขอแนะนำให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ เพื่อมอบตัวต่อสู้คดี และจะเฝ้าติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีทั้งหมดมาดำเนินคดี
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันเป็นอั้งยี่ ,ร่วมกันเป็นซ่องโจร และร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ จึงควบคุมตัวนำส่ง พนักงานสอบสวน กก.3 บก.สอท.5 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
Advertisement