เมื่อเวลา 17.30 น. พลตำรวจตรี ยุทธนา จอนขุน ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี และ พันตำรวจเอกเกียรติศักดิ์ มิตรปราสาท ผู้กำกับการสภ.คลองหลวง ร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังสอบปากคำนายพีม และโอชิ ว่า ในภาพรวมช่วงนี้ท้องที่ สภ. คลองหลวง มีเหตุความรุนแรงในหมู่นักเรียนนักศึกษาเยอะพอสมควร เริ่มจากเรื่องราวของแก๊งคุกกี้สีดำไส้สีขาว (แก๊งโอริโอ้) 3 คดีที่คุณ กัน จอมพลัง พาผู้เสียหายมาแจ้งความไว้
ต่อด้วยคดีของกลุ่มแก๊ง LGBTQ+ หรือแก๊งสาดน้ำซุป โดยมีพฤติกรรมใช้ความรุนแรง ด้วยการเอาน้ำซุปราดเหยื่อ 3 ครั้ง โดยส่วนตัวของผู้การจังหวัดมองว่ามันเกินไป หากไม่ใช่น้ำซุปก๋วยเตี๋ยวผู้เสียหายอาจจะได้รับบาดเจ็บมากกว่านั้น
โดยหลังจากเป็นข่าวใหญ่ ผู้กำกับการ สภ. คลองหลวง ก็ได้รายงานสถานการณ์เป็นระยะ ว่ามีผู้ก่อเหตุมารับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งทางตำรวจก็ได้ปล่อยตัวไป เนื่องจากมองว่าเป็นเหตุทำร้ายร่างกายธรรมดา พร้อมสอบถามผู้กำกับว่ามีเรื่องอื่นเกี่ยวอีกไหม จะได้เร่งรัดคดี ซึ่งได้ข้อมูลจากคุณกัน ว่ามีเรื่องอื่นเข้ามาเกี่ยวด้วย จึงนำไปสู่การขยายผลขอศาลออกหมายจับกุมตัวนายพีม และโอชิ มาสอบปากคำได้ในวันนี้
โดยนายพีมรับสารภาพ 2 ข้อกล่าวหา ส่วนโอชิ รับสารภาพแค่ข้อหาเดียว คือทำร้ายร่างกาย พร้อมปฏิเสธข้อหากรรโชกทรัพย์
ทั้งนี้ จะมีการขยายผลไปสู่ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ยิ่งขุดยิ่งเจอ พฤติกรรมบุกรุกทำร้ายร่างกาย กักขังหน่วงเหนี่ยว บังคับขู่เข็ญจิตใจ รวมไปถึงกรรโชกทรัพย์ ยืนยันว่าเคสนี้จะไม่ละเว้นและดำเนินการสุดซอย
ด้านหัวหน้าชุดจับกุม นายพีม เปิดเผยข้อมูลขณะเข้าไปจับกุมตัวนายพีมว่า สืบทราบว่านายพีม ได้มากบดานอยู่ที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ย่านรังสิต ซึ่งเป็นคอนโดของเพื่อนนายพีม จากนั้นชุดสืบสวนได้เดินทางไปที่คอนโดดังกล่าวพร้อมหมายจับของศาลจังหวัดธัญบุรี ซึ่งได้ประสานนิติบุคคล เพื่อขึ้นไปที่ห้องดังกล่าว ปรากฏว่าห้องถูกปิดไฟและล็อกสนิท เจ้าหน้าที่พยายามเรียกหลายครั้ง แต่ไม่มีใครยอมเปิดประตูออกมา สุดท้ายนายพีม จึงยอมเปิดประตูให้กับตำรวจ และให้ความร่วมมือจับกุมด้วยดี เมื่อเข้าไปในห้องได้แล้ว พบว่านายพีมได้นำตู้ขนาดใหญ่มาวางขวางประตูไว้ จากนั้นทางตำรวจได้แสดงตัว แสดงจับกุมพร้อมอ่านหมายจับ ระหว่างนั้นเอง นายพีม มีอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัดก่อนจะยอมรับผิด
ทั้งนี้จากการตรวจสอบภายในห้องคอนโดดังกล่าว เจ้าหน้าที่ไม่พบบุหรี่ไฟฟ้าและสิ่งของผิดกฎหมายใด ๆ ก่อนที่จะควบคุมตัวนายพีม มาสอบปากคำที่ สภ. คลองหลวง
ขณะที่ กันจอม พลัง บอกว่าเคสนี้ขอชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะถึงแม้ว่าจะมีกรณีของแก๊งโอริโอ้และแก๊ง LGBTQ+ ราดน้ำซุปให้ทำในเวลาเดียวกัน แต่ตำรวจก็ยังเอาอยู่ พร้อมฝากถึงเหยื่อที่ถูกแก๊งดังกล่าวทำร้ายว่า ช่วงนี้เป็นเวลาทองที่จะออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม ขอแค่ส่งข้อมูลมาให้ ทางตำรวจและตนยินดีช่วยเหลือทุกเคส เพราะพฤติกรรมโหดของแก๊งนี้ถือเป็นการกระทำที่เหมือนตัวร้ายในละคร พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าการออกมาขอโทษ ทำด้วยความจริงใจหรือทำเพราะถูกสังคมกดดันกันแน่
กัน จอมพลัง ฝากให้ชาวสีรุ้งทั้งหลายสบายใจว่า ตอนนี้ทางตำรวจและ กัน จอมพลัง รักษาสัญญาแล้ว โดยสามารถจับกุมนายพีม และโอชิได้แล้ว คืนนี้ก็พักก่อนไม่ต้องออกมารวมตัว ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเขาทำงาน
ล่าสุด "กัน จอมพลัง" ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนอีกครั้ง ภายหลังจากที่ได้มีการพูดคุยกับผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ว่าผู้ต้องหาทั้งสองคน ร้องไห้ตลอดเวลา บอกว่า รู้สึกผิดทุกสิ่งที่ทำลงไป นอกจากนี้ยังได้มีการเล่าถึงเหตุผลที่ลงมือทำร้ายน้องเเอนดริว ว่าสาเหตุเกิดจากไม่พอใจที่เพื่อนของน้องแอนดริว ไม่ยอมลงมาจากหอพัก มาพบหน้า จึงก่อเหตุทำร้ายน้อง ทั้งที่ไม่ได้มีเรื่องบาดหมางต่อกันมาก่อน ซึ่งตนได้รับฟังแล้ว ก็รู้สึกมึนงง และไม่เข้าใจ
โดยหลังจากก่อเหตุก็รู้สึกเครียด เพราะเพื่อน ๆ ในกลุ่มที่เคยอยู่ด้วยกัน ต่างก็ทิ้งเอาตัวรอด เเละยังกดดันให้ตนออกมาปรากฏตัว ซึ่งตนเองก็ได้พูดเตือนสติทั้งคู่ ว่าไม่มีใครรักเพื่อนมากกว่ารักตัวเอง ทำสิ่งใดไว้ก็ต้องยอมรับผลที่จะเกิดขึ้น
โดย"พีม" ได้ขอร้องตนอย่างหนึ่ง โดยจะขอคุยกับผู้เสียหายจะขอเยียวยา เพื่อให้จบเรื่องราวเพียงเท่านี้ได้ไหม ตนเองก็บอกว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องไหญ่ อีกทั้งเป็นคดีอาญา สิ่งที่ควรทำคือต้องขอโทษสังคม
นอกจากนี้ กัน จอมพลัง พาน้องต้า อายุ 20 ปี เหยื่ออีกรายของแก๊งนายพีม เข้ามาแจ้งความข้อหาทำร้ายร่างกาย กับพนักงานสอบสวน ที่สภ.คลองหลวงด้วย
โดยกัน จอมพลัง เปิดเผยว่า ผู้เสียหายมีปัญหากับนายพีมเรื่องเงิน ซึ่งผู้เสียหายได้คืนเงินไปแล้ว แต่เรื่องยังไม่จบ นายพีม ได้พาผู้เสียหายไปขังไว้ในห้อง ระหว่างที่อยู่ในห้อง ผู้เสียหายถูกด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย ก่อนจะถูกนายพีมตบหน้าด้วยรองเท้า
สุดท้ายผู้เสียหายโทรเรียกตำรวจมาช่วยออกมา ก่อนจะติดรถตำรวจและไปหลบอยู่ที่หลังป้ายรถเมล์ เพราะกลัวว่าแก๊งนายพีมจะออกมาตามล่าตัวอีกรอบ โดยหลังเกิดเหตุผู้เสียหายได้เข้ามาแจ้งความเอาไว้แล้ว วันนี้จึงพามาให้ปากคำเพิ่มเติม
กัน จอมพลัง บอกอีกว่าภายหลังก่อเหตุเสร็จแล้วนายพีมไม่มีท่าทีสลดแต่อย่างใด และไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ซ้ำยังข่มขู่ให้ผู้เสียหายรายนี้หยุดเรียนหนังสือ ซึ่งเรื่องนี้ถ้าทางมหาวิทยาลัยปัดความรับผิดชอบ เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม
เพราะทั้งผู้เสียหาย และผู้ก่อเหตุเป็นนักศึกษาในสังกัด เรื่องมันมาถึงจุดนี้แล้ว ต้องถามว่ามหาวิทยาลัยยังจะให้นักศึกษาที่ก่อเหตุรุนแรงแบบนี้เรียนต่ออีกหรือไม่ โดยตนเองได้ติดต่อไปยังกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) ไปแล้ว เพื่อพาผู้เสียหายไปพบเลขารัฐมนตรีให้ตรวจสอบ และให้ความเป็นธรรมต่อเรื่องนี้อีกครั้ง
ด้านนายต้า ผู้เสียหายบอกว่า ตัวเองเคยอยู่กลุ่มเดียวกับนายพีม ซึ่งนายพีมเคยแอบชอบตน และให้ของหลายอย่าง แต่พอเลิกชอบก็เรียกร้องจะเอาของคืน
พอเอาของไปคืนนายพีม กลับขอคืนเป็นเงิน 7,000 ถึง 8,000 บาท จึงนัดไปคุยกัน พอไปถึงนายพีม ก็พาเพื่อนมาล้อมและรุมทำร้าย ข่มขู่ว่าจะตามไปทำร้ายอีก เพื่อนจึงโทรศัพท์แจ้งตำรวจ พอตำรวจมาถึงนายพีมกลับบอกว่าตนกับเพื่อนเป็นฝ่ายถูกทำร้าย
นอกจากนี้ ยังเคยถูกนายพีม ใช้รองเท้าตบหน้า ซึ่งพฤติกรรมของกลุ่มนี้เวลาใครมีเรื่องก็จะพาเพื่อนในกลุ่มไปรุมทำร้ายคู่กรณี ซึ่งตนก็เคยอยู่ในเหตุการณ์นี้ด้วย เป็นเหตุการณ์ที่นายพีม ยกพวกไปต่อยตีกับผู้เสียหายในซอยรังสิต ซึ่งตนเคยเข้าไปห้ามแต่ห้ามไม่ไหว เพราะมีแต่คนตัวใหญ่ บางครั้งเวลาเข้าไปห้ามก็เจ็บตัวด้วย จึงตัดสินใจปลีกตัวออกจากกลุ่มของนายพีม
นอกจากนี้กลุ่มของนายพีม ยังเป็นผู้มีอิทธิพล เพราะมีสมาชิกในกลุ่มเยอะ ไม่มีใครกล้ายุ่งหรือมีเรื่องด้วย นายพีมยังทำธุรกิจเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า ขายผ่านไลน์และมีสต๊อกอยู่ห้อง และยังเคยอ้างว่าจ่ายเงินให้ตำรวจ 2 ถึง 3 ที่ ซึ่งตนเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง เพราะธุรกิจของนายพีมไม่เคยถูกปิด ยังสามารถขายของให้ลูกค้าได้
Advertisement