เมื่อวันที่ 10 ก.พ.68 พล.ต.อัษฎาวุธ ปันยารชุน ผบ.พล.ร.9 ในฐานะ ผบ.กกล.สุรสีห์ เปิดเผยว่า ตนได้รับแจ้งจากชุดปฏิบัติการข่าวในพื้นที่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ว่าจะมีการลักลอบส่งออกสินค้าผิดกฎหมาย ซึ่งไม่ได้ผ่านพิธีการทางศุลกากร จึงสั่งการให้ พ.อ.พรรณศักย์ เพรียวพานิช ผบ.ร.29 ในฐานะ ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ พร้อม พ.อ.ปิยะเณศร์ ภัทรศาศวัตวงษ์ รอง ผบ.ฉก.ลาดหญ้า ร่วมกับ ร้อย.ทพ.1406, สภ.สังขละบุรี และฝ่ายปกครอง อ.สังขละบุรี ตั้งจุดตรวจจุดสกัด บริเวณ ฐานปฏิบัติการ ช่องทางต้นยาง บ้านเวียคะดี้ ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี
กระทั่งเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่จุดตรวจร่วม ได้ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัย จึงให้สัญญาณหยุดรถ เพื่อตรวจสอบ พบน้ำมันดีเซล จำนวน 10 แกลลอน แกลลอนละ 30 ลิตร รวม 300 ลิตร ซึ่งไม่สามารถนำเอกสาร หลักฐานในการส่งออกน้ำมันดีเซลดังกล่าวมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ได้ จึงสงสัยว่าอาจจะลักลอบนำออกนอกราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ซึ่งผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร
จากการสอบสวนนายสัมฤทธิ์ อายุ 38 ผู้ขับขี่ ให้การสารภาพ ว่า ได้ซื้อน้ำมันดีเซลดังกล่าวมาจากปั๊ม ปตท. บริเวณ สามแยกสังขละบุรี และจะลักลอบนำน้ำมันดีเซลดังกล่าวออกนอกราชอาณาจักร โดยไม่ผ่านพิธีการทางศุลกากร ผ่านช่องทางต้นยาง โดยอ้างว่าจะนำน้ำมันดีเซลไปให้วัด, โรงเรียน, ร้านค้า และสถานที่สำคัญในพื้นที่ บ.ฮะล็อกคะนี เติมใส่เครื่องปั่นไฟฟ้า เพื่อปั่นไฟฟ้าให้แสงสว่างไว้ใช้งานในยามจำเป็น
ซึ่งเจ้าหน้าที่พิจารณาแล้วเห็นว่าการดำเนินการดังกล่าว ไม่ได้ดำเนินให้ถูกต้องตามพิธีการทางศุลกากร อีกทั้งยังเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล ตามมาตรการในการซีลชายแดนสองชั้น "Seal Stop Safe" โดยให้ระงับการส่งออกน้ำมันไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เจ้าหน้าที่จึงได้ดำเนินการจับกุมผู้ต้องหา พร้อมทั้งตรวจยึดน้ำมันดีเซลดังกล่าวส่ง สภ.สังขละบุรี เพื่อทำการสอบสวนและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
Advertisement