พลตำรวจตรี นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยความคืบหน้า กรณีคนร้ายลักรถจักรยานยนต์ ถูกตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.คันนายาว วิสามัญ 1 คน ว่า
คดีนี้เริ่มต้นมาจากมีการโจรกรรมรถจักรยานยนต์ในพื้นที่ สน.คันนายาว 4-5 ครั้ง จึงได้สืบสวนสอบสวน จนพบว่าคนร้าย 2 คนแต่งกายด้วยชุดในวันก่อเหตุวันนี้ และเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ คนร้าย 2 คนนี้จะไปก่อเหตุลักรถจักรยานยนต์ 1 คันที่ซอยคู้บอน 13 และเอามาจอดใต้ทางพิเศษฉลองรัช ในเวลา 6:00 น. และเอารถออกไปในเวลา 10:00 น. ของวันเดียวกัน
ต่อมาเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ คนร้าย 2 คนนี้ได้มาก่อเหตุพักรถจักรยานยนต์ในซอยนวลจันทร์ 52 เป็นพื้นที่ของ สน. โคกคราม ฝ่ายสืบสวน สน.คันนายาว จึงมาดักซุ่มรอในที่จุดเกิดเหตุ เพราะคาดว่าคนร้ายจะเอารถมาจอดที่นี่
กระทั่งถึงเวลาเกิดเหตุ คนร้ายได้เข้ามาเอารถ ฝ่ายสืบสวนที่ซุ่มสังเกตการณ์อยู่ จึงแสดงตัวเข้าจับกุมล็อกนายศุภัช อายุ 27 ปี แต่คนร้ายอีกคนได้ใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาดหันมาทางตำรวจ บังคับให้ปล่อยตัวนายศุภัช ก่อนจะขึ้นรถจักรยานยนต์เพื่อจะขี่หลบหนี ตำรวจจึงใช้อาวุธปืนยิงออกไป 3 นัด กระสุนปืนเข้าที่ต้นขาซ้ายของนายศุภัช 1 นัด เข้าที่หมวกกันน็อกทะลุศีรษะ 1 นัด ส่วนอีก 1 นัดไม่โดน ทำให้นายศุภัช เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนอีกคนขี่รถหลบหนีไป สวมกางเกงขายาว เสื้อแขนยาวสีดำ สวมหมวกกันน็อกเต็มใบสีดำ ใช้รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นเอ็กซ์แม็ก สีดำ ไม่ทราบป้ายทะเบียน ซึ่งจากแนวทางการสืบสวนขณะนี้พบว่ายังอยู่ในพื้นที่นครบาล
สำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้นั้นเป็นไปตามยุทธวิธีและขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งมีหลักฐานเป็นภาพจากวงจรปิดปรากฏให้เห็นแล้วว่าคนร้ายพยายามที่จะทำร้ายตำรวจก่อน ตำรวจจึงต้องยิงเพื่อป้องกันตัว ซึ่งเรื่องนี้ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ไปชี้แจงกับญาติคนร้ายที่เสียชีวิตแล้ว
คดีนี้ต้องแยกสำนวนเป็น 4 คดี สำนวนที่ 1 คือเรื่องของการชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต, สำนวนที่ 2 คือเรื่องที่ตำรวจวิสามัญคนร้าย, สำนวนที่ 3 คือเรื่องป้องกันตัวของตำรวจ, และสำนวนที่ 4 คือเรื่องที่คนร้ายไปก่อเหตุลักรถจักรยานยนต์
Advertisement