เมื่อเวลา 16.10 น. วันที่ 12 ก.พ. 68 ที่ จ.ตาก หน่วยเฉพาะกิจราชมนู นำกำลังทหาร ฉก.ราชมนู พร้อมด้วยรถบรรทุก 9 คัน เจ้าหน้าที่ทหาร ตชด. เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และตำรวจสภ.พบพระ นำกำลังไปรับตัวบุคคลต่างชาติจำนวน 261 คนเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลังจากที่เมื่อเวลา 16.00 น. กองกำลัง DKBA โกล้ทูบอ ได้ดำเนินการส่งตัวบุคคลต่างชาติ จำนวน 261 คน ที่ถูกหลอกไปทำงานในฝั่งเมียนมา เดินทางมาส่งมอบให้กับ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงฝ่ายไทย 28 บ.ช่องแคบ ต.ช่องแคบ อ.พบพระ จ.ตาก พร้อมนำตัวทั้งหมดขึ้นรถไปยังจุดคัดกรองกองร้อย ตชด.346
ด้าน พล.ต. ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เปิดเผยว่า กลุ่มเหยื่อดังกล่าวจะถูกส่งตัวผ่านทาง ด่านบ้านช่องแคบ อ.พบพระ จ.ตาก
สำหรับกลุ่มบุคคลที่ได้รับการช่วยเหลือ และแยกสัญชาติได้แล้ว 53 คน เป็นพลเมืองจาก 8 ประเทศ ได้แก่
- ฟิลิปปินส์ 12 คน
- เคนยา 4 คน
- แทนซาเนีย 1 คน
- บราซิล 2 คน
- เอธิโอเปีย 21 คน
- ปากีสถาน 5 คน
- บังกลาเทศ 2 คน
- เนปาล 6 คน
และอีก 208 คน จะต้องมาทำการแยกสัญชาติอีกครั้งเมื่อถึงประเทศไทย
โดยหลังจากประเทศไทยรับตัวเหยื่อค้ามนุษย์กลุ่มนี้แล้ว โดยนำตัวไปที่จุดคัดกรอง ณ จุดกองร้อย ตชด.346 เพื่อคัดกรองอย่างเข้มงวด โดยใช้กระบวนการ National Referral Mechanism (NRM) ซึ่งเป็นมาตรการที่ใช้ดูแลและช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์
จากนั้นกระทรวงการต่างประเทศจะประสานงานกับสถานทูตของแต่ละประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกด้านเอกสาร และจัดเตรียมแผนการส่งตัวกลับประเทศต้นทางให้เร็วที่สุด
ทั้งนี้นายภูมิธรรม ยืนยันว่า ประเทศไทยไม่มีนโยบายจัดตั้งศูนย์พักพิงหรือศูนย์อพยพ สำหรับบุคคลเหล่านี้ เนื่องจากอาจก่อให้เกิดปัญหาด้านความมั่นคง และเพิ่มความเสี่ยงต่อการกลับเข้าสู่วงจรค้ามนุษย์อีกครั้ง
รัฐบาลไทยมีมาตรการเข้มงวดในการ ปราบปรามและป้องกันขบวนการค้ามนุษย์ โดยจะตรวจสอบข้อมูลของเหยื่อแต่ละรายอย่างละเอียด ก่อนดำเนินการส่งตัวกลับเพื่อให้มั่นใจว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายค้ามนุษย์
ปัจจุบันเมืองเมียวดี เป็นหนึ่งในจุดยุทธศาสตร์ของขบวนการค้ามนุษย์ ที่ล่อลวงแรงงานจากหลายประเทศไปทำงานผิดกฎหมาย เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ การพนันออนไลน์ และแรงงานหนักในโรงงานเถื่อน การรับตัวเหยื่อค้ามนุษย์ครั้งนี้เป็นผลจาก ความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและเมียนมา ซึ่งมีเป้าหมายในการกวาดล้างขบวนการค้ามนุษย์และช่วยเหลือผู้เสียหายให้ได้รับความคุ้มครองและกลับประเทศต้นทางอย่างปลอดภัย
รัฐบาลไทยยังคงเดินหน้าทำงานร่วมกับนานาชาติและประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์อย่างจริงจัง และป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ซ้ำอีกในอนาคต
Advertisement