จากกรณีพบ 3 ศพ พ่อแม่ลูก ที่หายตัวปริศนาหลังวันเด็ก (12ม.ค.68)ถูกยัดใส่รถกระบะคลุมด้วยผ้าคลุมรถจอดทิ้งไว้บ้านร้างริมถนนพหลโยธิน (ขาขึ้น) พื้นที่ ม.10 ต.คลองขลุง อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร โดยมีผู้พบเห็นเมื่อวันที่ 13 ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งญาติให้ข้อมูลว่า ผู้ตายมีอาชีพ ทั้งค้าขาย-ให้เช่าเครื่องเสียง-ปล่อยเงินกู้-เล่นแชร์วงใหญ่ ส่วนผลการชันสูตรทั้งสามศพ เบื้องต้นพบบาดแผลจากรอยกระสุนที่ศีรษะทั้ง 3 ราย
จนต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวผู้ต้องสงสัยไปสอบเข้มที่โรงพักแล้ว และอยู่ระหว่างการหาหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อออกหมายจับ เนื่องจากเชื่อว่าผู้ก่อเหตุไม่ได้มีเพียงแค่คนเดียว ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้
สำหรับความคืบหน้าคดีดังกล่าว วันที่ 15 ก.พ. 68 นายเจษฎา เรื่อศรีจันทร์ หรือ โป๊ะซ่า อายุ 40 ปี ผู้สื่อข่าวภูมิภาคประจำจ.กำแพงเพชร และแอดมินเพจ “โป๊ะซ่าเกิดมาคุย” เปิดเผยว่า ตนเองรู้สึกตกใจมากหลังทราบว่า นายศิวกร หรือ โน๊ต ผู้ต้องสงสัยที่ถูกตำรวจควบคุมตัวไปสอบปากคำ ได้รับสารภาพว่าร่วมกันก่อเหตุฆ่าอำพราง 3 ศพพ่อแม่ลูก และเป็นเจ้าของปืนบีบีกันดัดแปลงที่ใช้ในการก่อเหตุ
โดยในวันที่พบ 3 ศพในที่เกิดเหตุเวลาประมาณ 13.00 น. นายเจษฎาได้ขับรถยนต์เข้ามาจอดบนถนนหน้าจุดเกิดเหตุ และมีนายโน๊ตทำทีเดินตาม พร้อมทักทายพูดคุยเรื่องการทำข่าวในจุดเกิดเหตุ แถมยังพูดกับผู้สื่อข่าวว่า มันโหด มันทำได้ยังไง และวนเวียนอยู่ในจุดเกิดเหตุ แฝงตัวกับผู้คน และเจ้าหน้าที่จำนวนมาก เมื่อผู้สื่อข่าวเดินกลับไปที่รถ หลังทำข่าวเสร็จกำลังจะขับรถออกจากจุดเกิดเหตุ นายโน๊ตก็เดินตามไปจนถึงรถของผู้สื่อข่าว และถามว่าจะไปไหนต่อ ซึ่งผู้สื่อข่าวตอบว่า เดี๋ยวจะไปโรงพัก ซึ่งก็ยังเอะใจว่านายโน๊ตคือใคร ทำไมถึงดูเหมือนรู้จักกับตนแบบนี้
ต่อมาในช่วงเวลา 01.40 น. ของวันที่ 14 ก.พ. 68 นายโน๊ต ได้ทำทีส่งข้อความมาในไลน์ของผู้สื่อข่าวลักษณะแจ้งบอกแสว่าได้ข้อมูลจาก “นายโป๊งเหน่ง หรือนายบอล” น้องชายเมียผู้ตายแจ้งว่า ผู้ตายนำทองคำไปจำนำในตัวเมืองกำแพงเพชร จำนวนกี่บาทไม่แน่ใจ และถามว่ารู้เบาะแสหรือไม่ ซึ่งผู้สื่อข่าวก็ตอบไปว่า ไม่ทราบข้อมูลนี้ พร้อมแจ้งว่าพรุ่งนี้ 08.00 น .เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเรียงหน้ากระดานค้นหาหลักฐานที่จุดเกิดเหตุอย่างละเอียด โดยนายโน้ตได้ตอบกลับมาว่า หากตนได้ข้อมูลอะไรจะรีบแจ้งทันที
พอถึงช่วงเช้าของวันที่ 14 ก.พ. 68 เวลา 08.00 น. เมื่อผู้สื่อข่าวเข้าไปติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ยังจุดเกิดเหตุหลังจอดรถ ปรากฏว่าพบนายโน้ตยืนรออยู่ และเดินตามผู้สื่อข่าวไปจนถึงทางเข้าจุดเกิดเหตุ และสอบถามว่าวันนี้จะทำอะไรกันบ้าง ซึ่งก็ได้ตอบกลับไปว่าคงจะหาข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติมอย่างละเอียด หลังจากเสร็จภารกิจทำข่าวผู้สื่อข่าวได้เดินกลับมาที่รถ ปรากฏว่าในโน๊ตก็เดินตามมา และสอบถามอีกว่าได้อะไรบ้าง ซึ่งผู้สื่อข่าวก็ตอบไปว่ายังไม่เจออะไรเลย และขับรถออกไป โดยผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับผู้ช่วยผู้สื่อข่าวว่า ชายคนดังกล่าวที่ตามเรามาคือใคร ทำไมทำทีสนิท และรู้จัก ก็เอะใจอยู่เหมือนกันว่าเป็นใครกันแน่
จนช่วงบ่าย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการเรียกตัวนายโน๊ตมาสอบสวนอย่างละเอียดและทราบว่านายโน๊ตเป็นเจ้าของปืนบีบีกันดัดแปลง และรับสารภาพว่าร่วมกันก่อเหตุดังกล่าว นายเจษฎารู้สึกตกใจกับสิ่งที่นายโน้ตได้ติดตามในการทำงานของตนเองมาตลอดสองวัน ไม่คิดว่าจะเป็นผู้ก่อเหตุ และส่งข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงให้กับตน ซึ่งรู้สึกไม่ปลอดภัยในขณะนี้โดยได้แจ้งข้อมูลไปยัง ผู้กำกับ สภ.คลองขลุงถึงเรื่องดังกล่าวให้ทราบแล้ว
จากการกระทำดังกล่าวของนายโน๊ต ตนรู้สึกว่า “ผู้ต้องสงสัยไม่มีความสะถกสะท้านสำนึกผิด กลับยังทำทีมาหยั่งเชิง ถือเป็นการคุกคามในการทำหน้าที่สื่อมวลชน และสร้างความไม่ปลอดภัยในความเป็นส่วนตัว ทั้งนี้ในวันที่พบศพทั้ง 3 นายโน๊ตยังทำทีเป็นไทยมุงมาดูเหตุการณ์ และติดตามการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ และสื่อมวลชนอย่างใกล้ชิต และวนเวียนอยู่ในจุดเกิดเหตุแฝงตัวกับเจ้าหน้าที่ และผู้คนจำนวนมาก
เบื้องต้นมีรายงานว่าผู้ร่วมก่อเหตุในครั้งนี้มีทั้งหมด 4 คน ประกอบด้วย 1.นายโน๊ตทำหน้าที่นำปืนไปจำนำกับผู้ตายและเป็นคนยิง รวมถึงยังเป็นคนส่งข้อความsmsให้นายโป๊งเหน่ง น้องเมียนายวงศกรผู้เสียชีวิต 2.นายนิรุธ หรือยศ ทำหน้าที่ซื้อซิมจากคนงานชาวเมียนมา 3.นายเข้ทำหน้าที่ช่วยยกศพ และขี่รถจักรยานยนต์นำทางเข้าไปในที่เกิดเหตุ 4.นายชัยณรงค์ให้ที่พักพิงแก่นายโน๊ต ศิวกร และเป็นคนเก็บซิมการ์ดเอาไว้ แต่ยังอยู่ระหว่างสอบปากคำ ซึ่งตำรวจยังสอบปากคำอย่างละเอียด คาดว่าน่าจะตลอดคืน ซึ่งผู้ต้องสงสัยอีกหนึ่งคน คือ นายเข้ ยังอยู่ระหว่างการติดตามตัวมาสอบปากคำโดยในวันพรุ่งนี้ (15 ก.พ. 68) เจ้าหน้าที่ตำรวจจะให้ทีมประดาน้ำลงค้นหาในสระหลังบ้านล้างกว้าง 20 เมตร เพื่อหาหลักฐานอย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งผู้สื่อข่าวจะรายงานความคืบหนาให้ทราบต่อไป
Advertisement