วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 12.40 น.ร.ต.อ.นราศักดิ์ นนทะบุตรรองสว.(สอบสวน)สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุอดีตสามีบุกมาแทงภรรยาได้รับบาดเจ็บสาหัสเหตุ เกิดที่บ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 5 บ้านศรีวิไล ต.บ้านจั่น
ที่เกิดเหตุบริเวณห้องโถงของบ้านพบศพน.ส.สุกัญญา หรือ เบียร์ อายุ 33 ปี ลูกสาวเจ้าของบ้านนอนหงายอยู่กลางบ้าน มีบาดแผลถูกแทงด้วยอาวุธมีดตามร่างกายหลายแห่งประมาณ 8 แผล โดยเฉพาะที่บริเวณคอเป็นแผลฉกรรจ์ เลือดไหลนองเต็มพื้น ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่กู้ชีพรพ.ศูนย์อุดรธานีได้ทำการ CPR เพื่อยื้อชีวิต แต่ไม่เป็นผล
ส่วนผู้ก่อเหตุคือนายฤทธิพร หรือท็อป อายุ 32 ปี อดีตสามีหลังก่อเหตุได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป โดยลูกสาวผู้ตายและผู้ก่อเหตุวัย 10 ขวบได้กลับมาจากโรงเรียนพบแม่เสียชีวิต ได้กอดยายร้องไห้เป็นที่น่าสงสาร
สอบถามญาติพี่น้องอยู่ในเหตุการณ์น.ส.เบียร์ และนายท็อป เป็นสามีภรรยากัน มีลูกสาวอายุ 10 ขวบ 1 คน เมื่อ 3 เดือน ก่อนทั้งคู่ได้ทะเลาะกันและแยกกันอยู่ แต่นายท็อป ก็ยังตามมาง้อขอคืนดีภรรยาอยู่ประจำ เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2567 ทะเลาะกัน ถึงขั้นมีการแจ้งความไว้ที่โรงพักเนื่องจากนายท็อป มีการข่มขู่เอาชีวิตน.ส.เบียร์ และครอบครัว จนกระทั่งวันนี้ได้กลับมาก่อเหตุแทงน.ส.เบียร์ จนเสียชีวิต ซึ่งมีภาพวงจรปิดในหมู่บ้านสามารถบันทึกภาพนายท็อป ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาในหมู่บ้านและขับหลบหนีหลังก่อเหตุ
หลังจากนั้นนางสุขทองมี อายุ 62 ปี แม่ผู้ตายได้เดินทางกลับมาที่บ้านร้องไห้ฟูมฟายพนมมือสะอึกสะอื้น บอกให้ไปรับหลานสาวหรือลูกสาวของคนตายให้กลับมาที่บ้านก่อนบอกว่า “ผัวเมียเขาทะเลาะกันมานานแล้วลูกสาวไม่เอาลูกเขยแล้วแยกกันอยู่มา 3 เดือนกว่า เขาก็ตามมาง้อกันมาก็มาทะเลาะกันตลอดทำไมต้องฆ่าลูกสาวของตนด้วย และเคยขู่ฆ่าล้างโคตรทั้งบ้านมาแล้ว”
แต่เมื่อลูกสาวของผู้ตายมาถึงบ้าน ก็ร้องไห้กอดผู้เป็นยายตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น สร้างความรันทดใจให้กับชาวบ้าน และเจ้าหน้าที่เป็นอย่างมาก
นายสมชัย อายุ 26 ปี น้องชายคนตายเล่าว่า ตอนนี้ตนนอนเล่นอยู่ในห้องพี่สาวออกไปกินข้าวกับเพื่อนบ้านอยู่ฝั่งตรงข้าม จากนั้นนายท็อป ก็ขี่รถจักรยานยนต์มาที่บ้านมาตะโกนเรียกพี่สาวแล้วเขาก็เข้ามาคุยกันในบ้าน ไม่นานพี่สาวก็ร้องขอความช่วยเหลือตนได้เปิดประตูห้องออกมาก็เห็นพี่สาวถูกแทงแล้ว พอนายท็อป เห็นตนและกำลังจะแทงซ้ำ ก็รีบวิ่งออกไปทันที ไม่รู้หนีไปทางไหน พี่สาวกับนายท็อปทะเลาะกัน ไล่นายท็อปกลับบ้านไป 2–3 เดือนแล้วเขาคงมาเคลียร์กันเรื่องครอบครัวแต่ก็มาก่อเหตุแทงพี่สาวจนตาย
นางคำมูล อุไรศรี อายุ 71 ปี ป้าคนตายเล่าว่า ตนกำลังกินข้าวเที่ยงกันอยู่ 4 คน ล้อมวงกินส้มตำกัน จากนั้นตนได้เดินออกมาซื้อน้ำแข็งที่ร้านค้าเห็นนายท็อป ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดหน้าบ้านน.ส.เบียร์ ตนก็เลยบอกให้น.ส.เบียร์ออกมาคุยกัน ย้ำว่าให้คุยกันดี เพราะที่ผ่านมาเขาทะเลาะกันตีกันบ่อย น.ส.เบีย ร์ก็บอกตนว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นให้เรียกรถพยาบาลให้ด้วยตนก็เลยเดินกลับเข้าบ้านไปกินข้าวไม่นานก็ได้ยินเสียงร้องโวยวายขอความช่วยเหลือ ไม่นึกว่านายท็อป จะกล้าทำถึงขนาดนี้ แต่ที่ผ่านมาเขาก็เคยขู่ฆ่าครอบครัวนั้นมาแล้ว แม้แต่ตนก็ขู่จะฆ่าจะมายิงตนเพราะตนเคยดุด่านายท็อปเรื่องนี้ด้วย
ต่อมาเวลา13.50น.วันเดียวกันพ.ต.อ.พัฒนวงศ์ จันทร์พล ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี ตรวจภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่า หลังก่อเหตุนายฤทธิ พรขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปทางบ้านจั่น จึงนำกำลังไปจับกุมนายท็อป ผัวโหด ได้ที่บ้านหลังหนึ่ง พื้นที่หมู่ 13 ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี ซึ่งเสื้อที่สวมใส่ยังมีครบเลือดผู้ตายติดอยู่ จึงนำตัวพร้อมรถจักรยานยนต์ฮอนด้าสกูปปี้สีดำหมายเลขทะเบียน 2 กร 5788 อุดรธานี พาหนะที่ขี่ไปแทงเมีย และพาตำรวจไปตรวจยึดมีดแหลมติดคาบเลือดยาวประมาณ 1 ฟุตที่ โยนทิ้งที่หน้าสำนักงานเทศบาลตำบลบ้านจั่น จึงควบคุมตัวไปบ้านเกิดเหตุ
ขณะที่ตำรวจควบคุมตัวนายท็อป ไปบ้านที่เกิดเหตุมีสีหน้าเรียบเฉย ไม่ยอมเปิดปากพูดถึงสาเหตุการฆ่าเมีย บอกเพียงว่าไม่ได้หลบหนี แต่ขี่รถมาตั้งสติ และรอตำรวจที่บ้าน รู้สึกเสียใจที่แทงเมีย ท่ามกลางญาติผู้ตายตะโกนด่า“ชาติชั่ว”และเตรียมจะรุมประชาทัณฑ์ ตำรวจไม่นำผู้ต้องหาออกมาจากรถ ซึ่งนางสุขทองแม่ผู้ตายได้ร้องตะโกนด่าอดีตลูกเขย “มึงฆ่าลูกกูคักแท้ประหารให้ด้วยประหารไปเลยศพแลกศพไปเลย” ทำให้ตำรวจยังลังเลไม่กล้านำตัวนายท็อป ลงจากรถมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
พ.ต.อ.ฉกาจน์ เทียมวงศ์ รองผบก.ภ.จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า สามีภรรยาแยกทางกันไปเมื่อ 3 เดือนก่อน แต่ยังไม่ได้จดทะเบียนหย่า ทั้งสองจะมีเรื่องทะเลาะกันประจำ ก่อนเกิดเหตุภรรยาโทรไปขอให้สามีมาจดทะเบียนหย่า สามีได้เดินทางมาพร้อมกับมีด และเรียกให้ภรรยาออกมาพบ ขณะที่ภรรยาเดินเข้าไปเอากล่องเงินในห้อง สามีได้เดินตามเข้าไปแล้วใช้อาวุธมีดแทง 8 แผล หลังแทงเสร็จได้ขี่จยย.หลบหนีไป ซึ่งตำรวจได้ติดตามไปจับตัวที่บ้านซึ่งอยู่ห่างออกไป 5 กม.พร้อมรถจยย.และอาวุธมีด ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา สารภาพว่าทำไปด้วยอารมณ์โมโหโกรธที่มีภรรยาเร่งรัดให้จดทะเบียนหย่า ตำรวจจึงแจ้งข้อหา“ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา”
Advertisement