วันที่ 25 ก.พ. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมา ศรชล.ภาค 1 ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวตรวจพบเรือประมงต่างชาติรุกล้ำเข้ามาทำการประมงในเขตน่านน้ำไทย ซึ่งมีความเคลื่อนไหวในพื้นที่ตั้งแต่ 22 ก.พ.68 เป็นต้นมา โดยตรวจพบเป็นกลุ่มเรือประมงต่างชาติ จำนวนประมาณ 10 ลำ
ประกอบด้วยเรือประมงลากคู่ เรืออวนล้อม และเรือไดปั่นไฟ เข้ามาทำการประมงอยู่ในน่านน้ำไทย บริเวณพิกัด ละติจูด 11 องศา 06 ลิปดาเหนือ ลองติจูด 102 องศา 26 ลิปดาตะวันออก ลงไปจนถึง ละติจูด 10 องศา 58 ลิปดาเหนือ ลองติจูด 102 องศา 25 ลิปดาตะวันออกอย่างต่อเนื่อง มีพฤติการณ์รุกล้ำเข้ามาทำประมงในห้วงเวลากลางคืนในพื้นที่ดังกล่าว และจะออกจากพื้นที่วิ่งลงใต้ไปจอดพักคอยในเวลากลางวัน เพื่อรอทำการประมงในห้วงกลางคืนของทุกวัน
ศรชล.ภาค 1 จึงขอรับการสนับสนุนเรือในบัญชีกำลัง ศรชล.ภาค 1 จาก กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) โดยเป็นเรือในหมวดเรือลาดตระเวนชายแดน (มชด./1) และอากาศยานจากหมวดบินเฉพาะกิจ กองเรือปฏิบัติการ ทัพเรือภาคที่1 ในการตรวจสอบในพื้นที่และกลุ่มเรือประมงดังกล่าว ซึ่ง กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) ให้การสนับสนุน เรือหลวงเทพา และเรือตรวจการณ์ 264 พร้อมด้วย ทัพเรือภาคที่ 1 จัดเครื่องบินตรวจการณ์ชี้เป้า แบบที่ 1 (บ.ตช.1) สนับสนุน สามารถจับกุมเรือประมงต่างชาติ ได้จำนวน 1 ลำ พร้อม ลูกเรือจำนวน 4 คน ส่วนที่เหลือเร่งเครื่องและหันทิศทางหนีของนอกเขตเศษฐกิจจำเพาะของประเทศไทย ในเช้ามืดของวันนี้ (25 ก.พ.68) และได้ร่วมกันตรวจสอบสอบสวนเบื้องต้น และส่งต่อให้ฝ่ายกฎหมายฯ และเจ้าหน้าที่ตำรวจคลองใหญ่ดำเนินการต่อไป
โดยมีการร่วมแถลงข่าวการจับกุม ณ ท่าเรือเอนกประสงค์คลองใหญ่ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด ในเย็นวันนี้ (25 ก.พ.68) โดย พล.ร.ท.อาภา ชพานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 พร้อมด้วย พล.ร.ต.ไชยนันท์ ชูใหม่ รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 และตัวแทนจากหน่วยงานผู้ร่วมปฏิบัติส่วนต่างๆ
ทั้งนี้ พล.ร.ท.อาภา กล่าวว่า จากการปฏิบัติการด้านการข่าวนำไปสู่การจับกุมเรือประมงต่างชาติรุกล้ำเข้าทำการประมงในเขตน่านน้ำไทยจำนวน 1 ลำ โดยเมื่อวันที่ 24 ก.พ. 68 ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าว กรณีตรวจพบเรือประมงต่างชาติรุกล้ำเข้ามาทำการประมงในเขตน่านน้ำไทย ซึ่งมีความเคลื่อนไหวในพื้นที่ตั้งแต่ 22 ก.พ. 68 เป็นต้นมา
โดยตรวจพบเป็นกลุ่มเรือประมงต่างชาติจำนวนประมาณ 10 ลำประกอบด้วยเรือประมงลากคู่ เรืออวนล้อม และเรือไดปั่นไฟ เข้ามาทำการประมงอยู่ในน่านน้ำไทย บริเวณพิกัดละติจูด 11 องศา 06 ลิปดาเหนือ ลองติจูด 102 องศา 26 ลิปดาตะวันออกลงไปจนถึงละติจูด 10 องศา 58 ลิปดาเหนือ ลองติจูด 102 องศา 25 ลิปดาตะวันออก อย่างต่อเนื่อ งมีพฤติการณ์รุกล้ำเข้ามาทำประมงในห้วงเวลากลางคืนในพื้นที่ดังกล่าว และจะออกจากพื้นที่วิ่งลงใต้ไปจอดพักคอยในเวลากลางวัน เพื่อรอทำการประมงในห้วงกลางคืนของทุกวัน
ศรชล.ภาค1จึงขอรับการสนับสนุนเรือในบัญชีกำลังศรชล.ภาค1จากกปช.จต.โดยเป็นเรือในมชด. 1และอากาศยานจากมวบ.กปก.ทรภ.1ในการตรวจสอบในพื้นที่และกลุ่มเรือประมงดังกล่าวซึ่งกปช.จต.ให้การสนับสนุนร.ล.เทพาและเรือต.264พร้อมด้วยทรภ.1จัดบ.ตช.1สนับสนุนศรชล.ภาค1โดยในวันที่ 24 ก.พ. 68 เวลา 20.00 น. ร.ล.เทพาและเรือต.264 ออกเรือจากฐตร.ทรภ.1และในวันที่ 25 ก.พ. 68 เวลา 02.00 น. ร.ล.เทพาและเรือต.264 เข้าพื้นที่ปฏิบัติการจนเวลา 03.00 น. บ.ตช.1ขึ้นบินจากกบร.กร.(อู่ตะเภา)
ผลการปฏิบัติของอากาศยานบ.ตช.1ตรวจพบเรือประมงต้องสงสัยจำนวน 5 ลำในเขตเศรฐกิจจำเพาะ แจ้งพิกัดให้ ร.ล.เทพาเข้าตรวจสอบสามารถจับกุมได้ 1 ลำ
เวลา 04.00 น. ร.ล.เทพาและเรือต.264 เข้าพื้นที่ปฏิบัติการทำการแลกเปลี่ยนเป้าเรือประมงต้องสงสัยร่วมกับอากาศยานพบเป้าเรือประมงต่างชาติจำนวน 4 ลำจึงดำเนินการเข้าจับกุม แต่เรือประมงต้องสงสัยขัดขืนไม่ยอมให้จับ และมีพฤติกรรมวิ่งเข้าชน ผลการปฏิบัติจับกุมเรือประมงต่างชาติได้จำนวน 1 ลำ พร้อมลูกเรือจำนวน 4 คน ส่วนที่เหลือเร่งเครื่องแ ละหันทิศทางหนีของนอกเขตเศษฐกิจจำเพาะของประเทศไทย-ศรชล.ภาค1กปช.จต. และทรภ.1ร่วมตรวจสอบสอบสวน เบื้องต้นส่งต่อให้ฝ่ายกฎหมายฯและจนท.ตำรวจคลองใหญ่ดำเนินการต่อไป
Advertisement