กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป. โดยเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.พงศธร รัชตวัชรางกูร สว.กก.3 บก.ป. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ป. ร่วมกันจับกุม นายพฤษชยเดช หรือ นายฉัตรเกียรติ อายุ 60 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาศาลอาญา ที่ 2777/2560 ลงวันที่ 18 ธันวาคม 2560 คดีอาญาที่ 21/2560 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน "ร่วมกันฟอกเงิน" , หมายจับศาลจังหวัดกบินทร์บุรี ที่ 65/2560 ลงวันที่ 30 ต.ค.2560 ข้อกล่าวหา "ร่วมกันลักทรัพย์ผู้อื่น โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม", หมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ 610/2563 ลง 3 สิงหาคม 2563 ข้อกล่าวหา "ร่วมกันฉ้อโกง" สามารถจับกุมได้ที่ บริเวณแยกไฟแดง ต.ท่าเรือ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี
สืบเนื่องจากเมื่อประมาณปี 2558 ถึง 2560 มีคดีเกิดเหตุที่น่าสนใจ และตกเป็นข่าวกระแสสังคม ของกลุ่มขบวนการกำถั่ว ขบวนการตกโฉนดที่ดิน ตกลอตเตอรี่ มีพฤติการณ์ ตระเวนหลอกเหยื่อ ที่เป็นผู้สูงอายุ ผู้ที่สามารถโน้มน้าวทางจิตใจได้ง่าย เน้นคนที่มีฐานะ มีเงินทอง มีสมบัติ จากนั้นจะสร้างสถานการณ์เอา ลอตเตอรี่ ซึ่งอ้างว่าถูกรางวัลที่ 1 มาหลอก แลกเงินไปจากผู้เสียหาย โดยจะมีการแบ่งหน้าที่กันทำ หรือเหยื่ออีกประเภท ที่ติดประกาศขายที่ดิน หรืออสังหาริมทรัพย์
โดยขบวนการเหล่านี้จะส่งคนเข้าไปทำการติดต่อพูดคุย ในเชิงเป็นนายหน้าที่ดิน และมีการชักชวน พูดคุยกับบุคคลในขบวนการ โดยมีการจัดเตรียมสถานที่ ที่เปลี่ยวร้าง พื้นที่ว่างเปล่าเป็นที่ดินปิดขาย หรือการหลอกลวงผู้เสียหาย ให้ช่วยไถ่ถอนที่ดิน ที่มีลูกค้ามาติดต่อซื้อขาย แล้วอ้างว่าขายได้จะนำเงินกำไรมาแบ่งให้ แต่เมื่อกลุ่มผู้ต้องหาได้เงินจากผู้เสียหายแล้วกลับเชิดหนีไม่สามารถติดต่อได้ หลังก่อเหตุกลุ่มขบวนการพวกนี้นำเงินที่หลอกลวงได้มาแปรสภาพทรัพย์สินอันเป็นความผิดฐานฟอกเงิน
โดยมี นายฉัตรเกียรติ เป็นหัวหน้า ผู้ควบคุม จะตระเวนก่อเหตุในหลายพื้นที่ ก่อเหตุมาแล้วกว่า 40 ครั้ง ในพื้นที่ทั่วประเทศ มีผู้ร่วมเครือข่าย กว่า 20 คน ก่อเหตุมีผู้เสียหายกว่า 100 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท
กองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม จึงได้ลงพื้นที่ ในการสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิด ในคดีดังกล่าว โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาในแก๊งได้เกือบทั้งเครือข่าย เว้นแต่หัวหน้าเครือข่าย ที่เป็นตัวการสำคัญในคดี เปรียบเสมือนเป็นมันสมองของแก๊งนี้ ซึ่งเจ้าตัวมีความระมัดระวังตัวสูง รู้วิธีการหลบเลี่ยงการจับกุมของเจ้าหน้าที่ได้อยู่ตลอด ซึ่งสามารถหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ไปได้กว่า 10 ปี
จากการตรวจสอบประวัติอาชญากรรม ของนายฉัตรเกียรติ พบมีประวัติหมายจับเกือบ 10 หมาย ในพื้นที่ทั่วประเทศ ทั้งคดีฉ้อโกงทรัพย์ ลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ คดีฟอกเงิน คดีอาวุธปืน สืบสวนจนทราบว่า นายฉัตรเกียรติ ได้หลบหนีมาอยู่ ต.ท่าเรือ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี เจ้าหน้าที่จึงสะกดรอยเฝ้าติดตาม นายฉัตรเกียรติ ตั้งแต่ จ.จันทบุรี กว่า 500 กม. จนสามาถจับกุม นายฉัตรเกียรติ ได้บริเวณแยกไฟแดง ถ.แสงชูโตสายเก่า ต.ท่าเรือ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ก่อนนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบสวนเบื้องต้น ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา อ้างว่าตนไม่ได้เกี่ยวข้องกับพฤติการณ์การฟอกเงิน
Advertisement