แม่ร้องลูกสาววัย13 ถูกแก๊งฟันน้ำนม ลวงไปปู้ยี่ปู้ยำ หวั่นคดีไม่คืบ
แม่ร้องลูกสาววัย 13 ปี ถูกลวงไปปู้ยี่ปู้ยำ ผู้ก่อเหตุมีตั้งแต่อายุ 12-15 ปี หวั่นคดีไม่คืบ ด้านพี่ชาย 1 ใน 6 คน พบตำรวจรับน้องชายเกเร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
วันที่ 03 มี.ค.69 เมื่อเวลา10.00น. นางชลิดา พะละมาตย์หรือต้นอ้อเป็นหนึ่ง พร้อมเจ้าหน้าที่กรมกิจการเด็กและเยาวชนสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสระบุรี(พม.จังหวัดสระบุรี)พาแม่และเด็กอายุ 13 ปี เดินทางมาติดตามความคืบหน้าคดีที่สภ.หนองแคหลังตกเป็นผู้เสียหายถูกเพื่อนชายคนสนิทลวงไปกระทำชำเราและยังให้เพื่อนชายรวม 6 คน รุมโทรมด้วยแม่ของเด็กหญิงวัย 13 ปี เล่าว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทราบจากย่าว่าลูกสาวได้ขอออกไปซื้อขนมกับเพื่อนแต่ผ่านไปนานหลายชั่วโมง ลูกสาวก็ยังไม่กลับบ้านจึงพยายามติดต่อไปหาเพื่อนของลูกสาวแต่ไม่มีใครทราบเรื่องทำให้รู้สึกร้อนรนเพราะเป็นห่วงลูกสาว
จนกระทั่งเวลาประมาณ 22.00น.ได้มีผู้ชายมาส่งลูกสาวที่หน้าบ้านพ่อจึงได้ดูลูกสาวที่กลับบ้านดึกพร้อมพยายามสอบถามว่าไปไหนมาแต่ลูกสาวไม่ยอมบอกจึงได้ตีทำโทษจนลูกสาวยอมบอกว่าถูกเพื่อนชายคนสนิทที่กำลังศึกษาดูใจกันได้ 2-3 เดือน ชวนออกไปขี่รถเล่น ซึ่งลูกสาวเคยไปด้วยมาก่อนแล้ว 2-3 ครั้งไม่มีอะไรผิดปกติ ครั้งนี้จึงออกไปด้วยอีก
แต่เพื่อนชายคนสนิทกลับพาไปที่บ้านหลังหนึ่งซึ่งในบ้านมีเพื่อนผู้ชายต่างโรงเรียนอีกหลายคนอยู่ที่นั่นด้วย
จากนั้นเพื่อนชายคนสนิทขอมีเพศสัมพันธ์หากไม่ยินยอมจะไม่พาไปส่งที่บ้านทำให้ลูกสาวต้องยินยอมด้วยความหวาดกลัว จากนั้นก็ให้เพื่อนชายที่รออยู่ด้านนอกห้องรวม6คนเข้ามารุมโทรมลูกสาวซึ่งได้พยายามขัดขืนและปฏิเสธแล้วแต่เพื่อนชายไม่ฟังพร้อมพูดข่มขู่ลูกสาวหวาดกลัวจนต้องยินยอม
ส่วนแม่ของเด็กวัย 1 3ปี ยังบอกอีกว่าหลังทราบเรื่องได้พาลูกสาวมาแจ้งความทันทีที่สภ.หนองแคแต่ส่วนตัวมีความกังวลว่ากลุ่มก่อเหตุเป็นเยาวชนอาจจะไม่ถูกดำเนินคดีตามกฎหมายเพราะผู้ปกครองของฝั่งผู้ชายก็ไม่มีท่าทางเกรงกลัวและไม่ได้แสดงความรับผิดชอบหรือกล่าวขอโทษแต่อย่างใดกลับบอกว่าให้พาตำรวจมาจับเลยจึงเกรงว่าลูกสาวจะไม่ได้รับความยุติธรรมยากจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
ด้านนางชลิดาหรือต้นอ้อ เป็นหนึ่งบอกว่าหลังได้รับเรื่องร้องเรียนได้ติดต่อไปยังโรงเรียนต้นสังกัดของเด็กชายผู้ก่อเหตุซึ่งมีตั้งแต่อายุ 12-15 ปีและมีทั้งที่อยู่โรงเรียนเดียวกันและอยู่คนละโรงเรียนกับเด็กหญิงผู้เสียหายแต่ทางผู้อำนวยการโรงเรียนอ้างเพียงว่าเหตุเกิดขึ้นนอกพื้นที่ของโรงเรียนจึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและเด็กนักเรียนไม่ได้มาเรียนนาน 1 เดือนแล้ว
แต่ส่วนตัวมองว่าผู้ก่อเหตุยังคงมีสถานะเป็นนักเรียนในสังกัดของโรงเรียนทางผู้อำนวยการโรงเรียน ควรช่วยเหลือดูแลสอดส่องและปกป้องเหยื่อด้วยการให้ข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมของนักเรียนชายกลุ่มนี้รวมถึงประสานผู้ปกครองของนักเรียนชายให้กับทางผู้เสียหายไม่ใช่ปัดความรับผิดชอบแบบนี้
ขณะเดียวกันทางผู้ปกครองของกลุ่มนักเรียนชายผู้ก่อเหตุควรมีส่วนร่วมรับผิดชอบในพฤติกรรมของบุตรหลานด้วยเพราะบางคดีผู้ปกครองก็ต้องมีส่วนรับผิดตามกฎหมาย
ส่วนนางสุนิสาไชยกุลหัวหน้ากลุ่มการพัฒนาสังคมสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสระบุรีได้เข้ามาช่วยเหลืดูแลสภาพจิตใจเด็กและช่วยติดตามเรื่องคดี
ทั้งนี้ในช่วงบ่ายวันนี้ทางตำรวจชุดสืบสวนพาตัวผู้ปกครองของกลุ่มนักเรียนชายผู้ก่อเหตุมาสอบปากคำที่สภ.หนองแค ได้มีผู้ปกครองของเด็ก 2 รายเข้ามาสอบปากคำร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จึงแล้วเสร็จและยังพบเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวเด็กเยาวชน 3 คนที่เรียกตัวมาสอบปากคำ เดินทางไปดูบ้านที่ถูกอ้างว่าเป็นหลังที่ก่อเหตุ
ด้าน พี่ชาย อายุ 22 ปี เป็นพี่ชายของเด็ก 1 ใน 6 คน เผยว่า เรื่องการขู่ฆ่ากลุ่มน้องชายตนไม่ได้พูดและไม่รู้จักเพื่อนของน้องชายเลย เรื่องที่เกิดขึ้นน้องชายไม่เคยบอกแต่ตนมารู้อีกทีมีคนนำรูปน้องตนกับกลุ่มเพื่อนมาลงในไอจีโพสต์ประจานน้องตนซึ่งน้องเป็นเด็กดื้อ พอรู้ความจริงหลังเกิดเหตุตนก็ให้น้องชายอยู่แต่ในบ้านดูแลแม่ที่ป่วยเป็นอัมพาตอยู่ที่บ้าน
Advertisement
