ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 3 มี.ค.68 ญาติๆมีการประกอบพิธีฌาปนกิจศพนายทศวรรษ หรือ โอม แถมเดช อายุ 33 ปี พนักงานราชการกองการศึกษาเทศบาลเมืองปากพนัง และมือกลองวงดนตรีชื่อดังภาคใต้ ที่เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ เมื่อกลางดึกวันที่ 25 ก.พ.68
ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยเศร้าโศกเสียใจ ของภรรยาและญาติร้องไห้ระงมวัด นอกจากนี้ยังมีเพื่อนๆทำงานเทศบาลเมืองปากพนัง รวมทั้งเพื่อนนักดนตรีจากทั่วภาคใต้ เดินทางมาร่วมไว้อาลัยและส่งดวงวิญญาณนายทศวรรษ หรือ โอมเป็นครั้งสุดท้าย
อย่างไรก็ตามหลังจากพระสงฆ์ประกอบพิธีทางศาสนาแล้วเสร็จ ญาติๆต้องรีบเข้าช่วยเหลือปฐมพยาบาลปลอบประโลม นายสมศิลป์ แถมเดช อายุ 61 ปี พ่อของนายทศวรรษ หลังเป็นลมล้มพับ ก่อนจะนำศพนายทศวรรษหรือโอม ขึ้นเมรุ วัดรามประดิษฐ์ เพื่อฌาปนกิจตามขั้นตอน
ด้านนายภาณุมาศ พุทรา อายุ 30 ปี หัวหน้าวงดนตรี "หนวดเขี้ยว" ที่นายทศวรรษเป็นมือกลอง กล่าวความรู้สึกเสียใจกับการสูญเสียครั้งนี้ เพราะโอม เป็นคนดี เป็นเพื่อนคนหนึ่งที่นักดนตรีทุกคนรัก ก่อนเกิดเหตุโอมขับรถเก๋งกลับบ้านที่ อ.ปากพนัง โดยที่ไม่ได้ร่ำลา
ทั้งนี้เมื่อช่วงค่ำวันที่ 2 มี.ค. 68 เกิดเหตุการณ์ตามความเชื่อว่าวิญญาณผู้ตายมาสิงร่างเด็กชาย อายุ 14 ปี ในงานศพ โดยคืนสุดท้ายงานบำเพ็ญกุศลศพ เพื่อนนักดนตรีเปิดเวทีแสดงดนตรีไว้อาลัยให้กับโอมเป็นครั้งสุดท้าย แต่หลังพระสงฆ์สวดพระอภิธรรมเสร็จ ระหว่างนั้นเพื่อนดนตรีประกาศเรียกชื่อมือกลองคนนึ่งในวงผ่านไมค์โครโฟน แต่ก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น เมื่อเด็กชาย อายุ 14 ปี ญาติผู้ตายที่นั่งอยู่ในงานศพ เกิดอาการตัวสั่นร้องไห้ฟูมฟายเสียงดังลั่น น้ำเสียงเหมือนโอมผู้ตาย
โดยบางช่วงบางตอนจับใจความได้ว่า "ยังไม่อยากตายอยากตีกลองกับเพื่อนๆ" ก่อนที่ญาติและเพื่อนนักดนตรีเข้าปลอบประโลมด้วยความสงสาร ท่ามกลางความเศร้าโศก
Advertisement