พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข อดีต ผบช.ปส. ซึ่งเป็นอดีตผู้บังคับบัญชาของผู้กำกับโจ้ เปิดเผยว่า ผผก.โจ้ ทำงานดี เป็นเด็กที่ไม่เหมือนคนเกเร อ่อนน้อม ดูแลผู้บังคับบัญชาดีทุกคน เสียใจกับการจากไป แต่ดีใจที่เขาไม่ลำบาก ซึ่งในส่วนทางครอบครัวจะคิดอย่างไรก็ให้เป็นหน้าที่ของกระบวนการยุติธรรม
ผู้สื่อข่าวถามว่าในประเด็นเรื่องของความกดดัน จะสามารถทำร้ายตัวเองได้หรือไม่ พล.ต.ท.สมหมาย บอกว่า ต้องย้อนไปถามคนที่ติดคุกว่ามันมีความรู้สึกกดดันมากแค่ไหน ขนาดคนอยู่นอกคุกยังเครียด จากคนที่เคยมีทุกอย่าง ไปจับคนเยอะ แล้ววันหนึ่งเข้ามาติดคุก มีคดีติดตัว
ส่วนประเด็นที่มีการตั้งสงสัยว่า ผู้กำกับโจ้มีประวัติการป่วยทางจิตเวชหรือไม่ พล.ต.ท.สมหมาย บอกว่า ถ้าจะบ้าบ้าไปนานแล้ว นี่มัน 3 ปีกว่าแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาติดคุก
ส่วนเรื่องการกระด้างกระเดื่องตามที่กรมราชทัณฑ์ ออกมาเปิดเผย ผกก.โจ้ มีพฤติกรรมอย่างนั้นหรือไม? พล.ต.ท.สมหมาย มองว่า "โจ้เป็นตำรวจนะคุณ มันถูกฝึกมาให้สู้คน ในขณะที่คนทั่วไปเดินกันตามถนนทั่วไป เจอหน้ากันยังไม่ยอมกันเลย ถ้าไม่อย่างนั้นเค้าจะดูแลข้าราชการได้อย่างไร" ส่วนเรื่องรายละเอียดข้อเท็จจริง ตนเองไม่ทราบ คงตอบให้ไม่ได้ วันนี้ทราบข่าวว่าน้องเสียชีวิตจึงเดินทางมาแสดงความเสียใจในฐานะอดีตผู้บังคับบัญชาเท่านั้น พร้อมย้ำว่า สมัยนั้นยุคที่ตนเองเป็นผู้บังคับบัญชา ผู้กำกับโจ้ทำงานดีมาก มีผลงานมากมาย เคยมอบหมายให้ไปลุยภาคใต้เจ้าตัวก็ทำได้ดี
สำหรับ แนวทางการสืบสวนและไขคดี ในส่วนของรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม ก็เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกัน ก็น่าจะดูแลอยู่แล้ว ถ้าไม่ทำ ไม่เอาความจริงให้ปรากฏก็ไม่รู้จะพึ่งใครแล้ว เพราะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการเมือง แต่เป็นเรื่องความตายที่เกิดขึ้นในหน้าที่ก็ต้องว่ากันไป
ส่วนที่พล.ต.ท.สมหมาย ได้พูดคุยกับญาติเป็นเวลานาน หลังงานสวดอภิธรรมศพนั้น ตนเองทำได้เพียงแค่ปลอบใจ เพราะตอนผู้กำกับโจ้อยู่เราต้องไปเยี่ยมทุกวัน วันนี้โจ้ไม่อยู่ แต่โจ้ไปที่ที่สบายกว่า เขาหมดสิ้นภาระแล้ว ต้องเข้มแข็งอยู่ให้ได้ ปล่อยให้ผู้ที่มีหน้าที่เป็นคนดำเนินการ
ซึ่งการชันสูตรก็ต้องทำให้เส้นสงสัย ในฐานะเป็นอดีตตำรวจ มีการตั้งข้อสงสัยในคดีอย่างไรบ้าง พล.ต.ท.สมหมาย ระบุว่า ตนเองไม่พูด ไม่ใช่หน้าที่ตน เราพูดเก่งไม่มีประโยชน์ ช่วยอะไรน้องก็ไม่ได้ เพราะนิสัยของตนเองถ้าช่วยก็ต้องลงไปทำ และในคดีนี้ คนเก่งเยอะ ที่สำคัญมองว่ากระทรวงยุติธรรมปล่อยไปไม่ได้ เพราะถ้าปล่อยแล้วจะเกิดความคาใจ ซึ่งตำรวจที่ถูกดำเนินคดี ถูกจำคุกในเรือนจำ เขาจะคิดอย่างไร
ขณะที่ความต้องการให้มีการเปิดภาพวงจรปิดข้างในทั้งหมด จะเป็นตัวไขคดีหรือไม่ ข้างในเรือนจำ เป็นแดนสนธยาหรือไม่ พล.ต.ท.สมหมาย ระบุว่า ตนเองไม่รู้ มันเป็นเรื่องดุลพินิจ ถ้าหากให้ไปนักข่าวทั้งหมดก็อาจจะมีความเสียหาย เพราะ สถานที่อโคจรเกี่ยวข้องกับความมั่นคง อยากให้สื่อให้ความเป็นธรรมกับผู้ตาย
ผู้ข่าวถามย้ำว่า เท่าที่เคยสัมผัสกับผกก.โจ้ ในระยะเวลา 3 ปี ที่อยู่ในเรือนจำ และอาจจะเจอนักโทษที่ตนเองเคยจับคุม เป็นไปได้หรือไม่ที่จะถึงขั้นทนแรงกดดันไม่ได้ พล.ต.ท.สมหมาย ตอบนักข่าวว่า น้องอยู่โรงเรียน น้องเคยโดนเด็กดื้อทําร้ายไหม แล้วน้องสู้ไหม เหมือนกัน แต่เรื่องนี้ต้องทนให้ได้ไม่เหมือนโรงเรียนนายร้อย ที่ห้ามทำอะไรทุกอย่าง ยกเว้นแต่ใช้ปากสั่ง สถานที่อย่างนี้มือถึงตีนถึง เราก็ไม่รู้ ลูกผู้ชายอยู่ด้วยกัน มันเป็นไปได้อยู่แล้ว แต่ส่วนตังไม่รู้นะ อยู่ที่พยานหลักฐาน พูดไปเรื่อยเสียหายทั้ง 2 ฝ่าย ปล่อยให้คนคนเสียชีวิตไปไปด้วยความสงบก็แล้วกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า อยากฝากอะไรถึงกระทรวงยุติธรรมและกรมราชธรรมในการทำหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงบ้าง พล.ต.ท.สมหมาย บอกสั้นๆว่า “ขอให้ทำอย่างตรงไปตรงมาเท่านั้นเอง ”
Advertisement