วันที่ 12 มี.ค. 68 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นาย รณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พานางเอ (นามสมมติ) อายุ 52 ปี แม่ของผู้ต้องขังชายเรือนจำเขาบิน จังหวัดราชบุรี พร้อมลูกสาวเดินทางมาพร้อมนำหลักฐานเอกสารต่างๆ เข้าร้องเรียนกับดีเอสไอ
ภายหลังลูกชายถูกผู้คุมในเรือนจำ 6 คน รุมทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ ภายหลังฝ่ายนักโทษร้องขอชีวิตให้แม่ช่วยทำเรื่องร้องเรียนไปที่เรือนจำ แต่กลับกลายเป็นว่าลูกชายยิ่งถูกข่มขู่ และกลั่นแกล้งอย่างหนักกว่าเดิม จนต้องแอบฝากจดหมายน้อยมากับเพื่อนนักโทษที่พ้นโทษ เพื่อขอความช่วยเหลือ โดยทางครอบครัว เกรงว่าลูกชายจะโดนทำร้ายจนสุดท้ายทนไม่ไหวอาจคิดสั้นฆ่าตัวตาย และกลัวจะซ้ำรอยคดีผู้กำกับโจ้
นายรณณรงค์ เปิดเผยว่า วันนี้มีกรณีการร้องเรียนที่ผู้คุมเรือนจำทำร้ายผู้ต้องขัง โดยผู้ต้องขังได้ติดต่อให้ทางญาติดำเนินการเอาเรื่องตามกฎหมาย ก่อนหน้านี้ทางญาติพยายามร้องเรียนไปทางเรือนจำแล้ว แต่ไม่มีความชัดเจนและไม่คืบหน้า เมื่อเห็นข่าวผู้กำกับโจ้เสียชีวิตในเรือนจำโดยลูกชายของครอบครัวที่มาร้องในวันนี้ก็ถูกแยกขังเดี่ยวเช่นกัน และมีจดหมายน้อยที่ข้อความช่วยเหลือมาถึงญาติ จึงอยากให้กรมสอบสวนคดีพิเศษช่วยตรวจสอบเรื่องดังกล่าวตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย
หากดีเอสไอจะรับสอบสวนคดีของผู้กำกับโจ้ จึงอยากให้ปฏิบัติกับนักโทษที่ญาติมาติดต่อร้องเรียนเหมือนกันด้วย เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ซึ่งตนไม่ได้บอกว่าเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์มีความผิด แต่เมื่อมีการร้องเรียน ต้องมีการตรวจสอบเพื่อให้เกิดความกระจ่าง จะต้องให้เจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ความสามารถไปตรวจสอบและมีคำอธิบายกับญาติได้ หากมีคนถูกกระทำภายในหน่วยงานจะต้องให้หน่วยงานภายนอกเข้าไปตรวจสอบ เมื่อเห็นทางดีเอสไอรับสืบสวนคดีของผู้กำกับโจ้จึงอยากให้ช่วยตรวจสอบอีกเรือนจำหนึ่งด้วย
นางเอ แม่ของผู้เสียหาย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 67 เรือนจำเปิดเยี่ยมเป็นกรณีพิเศษ ตัวเองจึงได้ไปเยี่ยมลูกชายที่เรือนจำ จากนั้นลูกบอกว่าถูกทำร้ายหนักมากจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด เกือบไม่ได้เห็นหน้าพ่อแม่ พร้อมขอให้ช่วยร้องเรียนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้แดน 4 เป็นแดนที่มีการควบคุมพิเศษ การเยี่ยมแต่ละครั้งจะถูกบันทึก ทั้งภาพและเสียงเอาไว้ เป็นการเยี่ยมผ่านวิดีโอ คอนเฟอเรนซ์ ลูกจึงไม่สามารถเปิดภาพบาดแผลที่ถูกทำร้ายให้ดูได้
นางเอ กล่าวว่า ปมปัญหาของเรื่องนี้อยู่ในเรือนจำ มีการแบ่งนักโทษเป็น 2 บ้านคือบ้านภาคกลาง และบ้านภาคใต้ จะมีปัญหากันบ่อย และมีการทะเลาะวิวาทกันเกิดขึ้น เสมือนเป็นการจราจล ทางผู้คุมจึงเข้าไประงับเหตุ และมีการทำร้ายร่างกาย ผู้คุมได้ใช้ไม้กระบองตี หากเป็นการตีพอสมควรแก่เหตุทางครอบครัวก็ยังรับได้ แต่นี่เป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ มีการใช้เท้าที่สวมรองเท้าคอมแบทกระทืบตามร่างกาย และตีทั่วตัว และใช้สายเคเบิ้ลไทร์รัดมือไขว้หลัง บังคับให้นอนคว่ำหน้าลงกับพื้น เหมือนตากปลาแดดเดียว จากนั้นบังคับให้คลานไปกับพื้นในท่าแทงปลาหมอจนได้รับบาดเจ็บ โดยลูกชายของตัวเองอยู่ในกลุ่มบ้านภาคกลางอยู่ใน 11 คนที่ถูกทำร้าย
นางเอ บอกว่า การลงโทษจะต้องมีกรอบในการลงโทษ แต่นี่เป็นการลงโทษแบบทารุณเกินกว่าเหตุ ขณะนี้ลูกชายถูกงดเยี่ยม 3 เดือน เนื่องจากผิดวินัย ทั้งนี้ยังกังวลเรื่องความปลอดภัยของลูกชายมาก เพราะได้เข้าเยี่ยมลูกชายครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 13 ม.ค. ที่ผ่านมา ลูกชายซูบผอมลงมาก เนื่องจากถูกลดปริมาณข้าว อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 7 มี.ค. 68 เพื่อนของลูกชายได้ไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวนหลังถูกผู้คุมทำร้ายร่างกาย ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้ติดต่อมา เพื่อขอสอบปากคำตัวเอง จึงบอกไปว่าควรจะไปสอบปากคำนักโทษมากกว่า จากนั้นก็ยังไม่ทราบความคืบหน้า
นอกจากนี้แม่ยังได้เปิดเผยจดหมายของลูกชาย ระบุว่า “ตอนนี้เจ้าหน้าที่จ้องเล่นงานผมทุกทาง เขาให้คนโทษน้อยมาทำร้าย เพื่อจะให้ผมสวน และตั้งเรื่องทะเลาะวิวาท ตอนนี้ผม และพยานทุกคนถูกบีบทุกทาง เพราะเป็นปรปักษ์กับเจ้าหน้าที่เค้าเรียกไปไกล่เกลี่ยแล้ว แต่ผมไม่ยอม เวลาเยี่ยมญาติพูดอะไร อย่าให้เขาฟ้องเราได้ เขาจ้องเล่นงานเรากลับ ตอนนี้เค้ากำลังเร่งตัดเยี่ยมญาติ ให้เอาทนายที่ไว้ใจได้มา แต่งตั้งสามารถเยี่ยมได้ตลอด ทางที่ดีติดต่อช่องอมรินทร์ 34 ใช้นักข่าวและเขามีทนายให้ ป้องกันเขาใช้เส้นสาย มีคนทำมาแล้วได้ผล”
“แจ้งคณะกรรมการทรมานหรือเปล่า ถ้าใช้หน่วยงานนี้เค้าโต้เราไม่ได้ อีกอย่างเขาจะสั่งย้ายผู้ต้องขังกับพยานทุกคนไปในที่ที่ปลอดภัย ตอนนี้พวกผมทุกคนตกที่นั่งลำบาก ถ้าพี่มารับเพื่อนที่ชื่อนายเต้ยแล้วให้ถามว่าพวกผมเจ็บหนักทุกคน พาเต้ยไปถ่ายรูป และพาไปกินข้าวด้วยนะ อยู่MAX (เรือนจำ) ลำบากมากๆ ถ้าเรียบร้อยให้สั่งน้ำเปล่าขวดเล็กมา 2 แพ็ค ถือว่าเข้าใจ ข้างหลังจะให้เบอร์ญาติของพวกผมที่ถูกตีเชื่อมทุกคนไว้ ถ้ามาเยี่ยมพร้อมกันยิ่งดี”
นายรณณรงค์ กล่าวว่า ยังมีอีกกรณีหนึ่งที่ญาติติดใจสาเหตุการเสียชีวิตภายในเรือนจำ ถึงแม้ทางราชทัณฑ์กับ ผอ.เรือนจำเคยออกมาให้ข่าวชี้แจงกรณีนี้แล้ว แต่จะให้ทางญาติเข้าให้ข้อมูลกับทางดีเอสไอ เพื่อให้ตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความกระจ่างว่าภายในเรือนจำไม่มีการซ้อมทรมาน
Advertisement