เวลา 09.00 น. ที่ผ่านมา พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. ร่วมกับ ป.ป.ท. ป.ป.ช. และ สตง. เข้าตรวจสอบอู่ซ่อมรถบัสแห่งหนึ่ง ในย่านสุขาภิบาล 3 เพื่อตรวจสอบสภาพว่า ใช่อู่ซ่อมรถบัสโดยสารขนาด 50 ที่นั่งหรือไม่
หลังพบเจ้าหน้าที่ กทม. กองการกีฬา สำนักวัฒนธรรมกีฬา สนามกีฬาและการท่องเที่ยวกรุงเทพมหานคร ร่วมกันทุจริตโครงการซ่อมแซมรถโดยสารปรับอากาศ ขนาด 50 ที่นั่ง จำนวน 5 คัน จำนวน 28 ครััง มูลค่าความเสียหาย 2.7 ล้านบาท
ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าอู่ดังกล่าว เป็นอู่ซ่อมรถขนาดเล็กและเป็นอู่ที่รับเหมาซ่อมรถขนาดเล็กของโครงการของ กทม.อยู่แล้ว แต่ไม่มีลักษณะที่จะสามารถซ่อมรถโดยสารขนาดใหญ่ได้
ซึ่งจากการสอบถามเจ้าของอู่ รับสารภาพว่า ตนได้รับซ่อมรถขนาดเล็กให้กับ กทม. อยู่แล้ว แต่เมื่อรับซ่อมได้อยู่ช่วงประมาณหนึ่ง มีเจ้าหน้าที่ กทม.เข้ามาขอใบเสร็จเปล่า เพื่อนำไปเขียนราคาค่าซ่อม เพื่อนำไปเบิกค่าใช้จ่ายกับ กทม. เมื่อเขียนใบเสร็จ เสร็จแล้วก็จะให้ตนมารับใบเสร็จเพื่อนำไปเบิกกับ กทม. โดยทางอู่จะได้รับส่วนต่าง พร้อมกับยอมรับว่า ทางอู่ไม่เคยได้ซ่อมรถโดยสารขนาดใหญ่เลย เพราะอู่ไม่มีศักยภาพ
ซึ่งหลังจากพนักงานสอบสวน บก.ปปป. สืบสวน ว่าพบการทุจริตกระทำความผิดจริง จึงได้ขออำนาจศาลออกหมายจับ ผู้ต้องหารวม 7 ราย ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่จากสำนักกีฬา และนักวิชาการพัสดุ ประกอบด้วย
1. น.ส.สิริกัญญา (สงวนนามสกุล)
2. นายดำรง (สงวนนามสกุล)
3. นายภูมินทร์ (สงวนนามสกุล)
4. นายคมกฤช (สงวนนามสกุล)
5. นายปริญญา (สงวนนามสกุล)
6. นายอภินันท์ (สงวนนามสกุล)
7. น.ส.สุชาวดี (สงวนนามสกุล)
ทั้งนี้มีรายงานว่าผู้ต้องหาทั้ง 7 คนนี้ อยู่ระหว่างการถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายสูงเกินจริง ส่วนโครงการซ่อมรถบัส ผู้ที่ตรวจสอบความผิดปกติ คือ เจ้าหน้าที่ สตง. จึงได้เข้าแจ้งความ โดยเรื่องนี้ถือว่าร้ายแรงมากเพราะไม่มีการซ่อมเลย ตามความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตและ มาตรา 162 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสารอันเป็นเท็จ
ล่าสุดมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ กทม.ทั้ง 7 คนจะเดินทางมามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ในเวลา 11.00 น. ก่อนที่จะมีการแถลงข่าวจากผู้บริหาร กทม. อีกครั้ง.
Advertisement