ครบรอบ 30 ปี เหตุก่อการร้ายรถไฟใต้ดินโตเกียว "โอมชินริเกียว" ลัทธิมรณะ จากศรัทธาสู่ความคลั่ง สะเทือนขวัญญี่ปุ่นและชาวโลก
โศกนาฏกรรมลัทธิโอมชินริเกียว เป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนขวัญประเทศญี่ปุ่นและทั่วโลกอย่างมาก โดยเฉพาะเหตุการณ์การปล่อยก๊าซซารินในรถไฟใต้ดินโตเกียว เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 1995 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก เหตุการณ์นี้ทำให้ทั่วโลกตระหนักถึงอันตรายของลัทธิคลั่งศาสนา
ลัทธินี้ก่อตั้งโดย โชโก อาซาฮาระ (Shoko Asahara) ชื่อจริงคือ ชิซูโอะ มัตสึโมโตะ (Chizuo Matsumoto) ในปี 1984 โดยช่วงเวลานั้น "รัฐชินโต" พุทธศานานิกายชินโตของญี่ปุ่นที่จักรพรรดิมีสถานภาพเป็นเทพเจ้า เกิดการล่มสลาย ผู้คนตื่นตัวเรื่องลี้ลับ เหนือธรรมชาติ อาซาฮาระได้ผสมผสานความเชื่อจากศาสนาต่างๆ เช่น พุทธ ฮินดู และคริสต์ เข้ากับแนวคิดวันสิ้นโลก พร้อมอวดอ้างว่าตนเองเป็นผู้มีญาณวิเศษ และสามารถทำนายวันสิ้นโลกได้ ทำให้ลัทธิโอมชินริเกียวได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มคนหนุ่มสาวที่มีการศึกษาและฐานะดี พวกเขาถูกดึงดูดด้วยคำสอนที่ดูเหมือนจะลึกลับและทรงพลัง
อาซาฮาระเคยทำนายไว้ว่าจะเกิดเหตุภัยพิบัติอย่างรุนแรงในญี่ปุ่น ก่อนจะเกิดเหตุแผ่นดินไหวโกเบเมื่อต้นปี 1995 นั่นจึงทำให้ลัทธิโอมชินริเกียวเป็นที่นิยมและศรัทธามากยิ่งขึ้น แผ่ขยายอิทธิพลอย่างรวดเร็ว มีสมาชิกหลายหมื่นคนทั่วโลก โดยเฉพาะในญี่ปุ่นและรัสเซีย อาซาฮาระเริ่มแสดงพฤติกรรมที่รุนแรงมากขึ้น เขาเชื่อว่าวันสิ้นโลกกำลังจะมาถึง จะเกิดเหตุการณ์ล้างบางมนุษย์ และมีเพียงสมาชิกของลัทธิเท่านั้นที่จะรอดชีวิต ลัทธิเริ่มสะสมอาวุธเคมีและชีวภาพ รวมถึง "ก๊าซซาริน" ซึ่งเป็นสารทำลายประสาทที่มีความรุนแรงสูง
นักวิทยาศาสตร์สาวกลัทธิโอมฯชินริเกียว มุ่งผลิตก๊าซซาริน โดยสมาชิกระดับผู้เชี่ยวชาญถึงกับบอกว่า การผลิตของที่นี่เสมือนเป็นโรงงานอุตสาหกรรมขนาดย่อมๆ เพราะมีทั้งความยิ่งใหญ่ ทันสมัย ครบครันด้วยวัตถุดิบ กำลังพล เทคโนโลยี โดยมีการตั้งเป้าผลิตก๊าซซารินให้ได้วันละ 2 ตัน และจะใช้ปริมาณ 70 ตัน ถึงจะเพียงพอในการสังหารผู้คนได้หลายล้านคน
ก๊าซซารินเป็นสารเคมีที่มีอันตรายสูงมาก จัดอยู่ในกลุ่มสารทำลายประสาท (nerve agent) มีลักษณะเป็นของเหลวใส ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น หรืออาจมีกลิ่นผลไม้เล็กน้อย ซารินมีความเป็นพิษสูงมาก แม้ได้รับในปริมาณน้อยก็อาจทำให้เสียชีวิตได้
ซารินออกฤทธิ์โดยการยับยั้งเอนไซม์ที่ควบคุมการทำงานของระบบประสาทจนนำไปสู่การทำงานผิดปกติของร่างกาย สามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง เช่น การหายใจ การสัมผัสทางผิวหนัง หรือการรับประทาน
อาการที่เกิดจากการได้ก๊าซซาริน เช่น รูม่านตาหดเล็กลง น้ำลายไหล น้ำตาไหล เหงื่อออกมาก คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย กล้ามเนื้อกระตุก อ่อนแรง หายใจลำบาก หมดสติ และเสียชีวิต
วันที่ 20 มีนาคม 1995 สมาชิกลัทธิโอมชินริเกียว 5 คน ซึ่งแต่ละคนนั้นดีกรีการศึกษาและอาชีพไม่ธรรมดา มีทั้ง ศัลยแพทย์โรคหัวใจ, บัณฑิตด้านฟิสิกส์ประยุกต์, นิสิตปริญญาโทด้านฟิสิกส์โมเลกุล และวิศวกรไฟฟ้า ได้แยกย้ายกันขึ้นรถไฟแต่ละสาย โดยเลือกโจมตีในชั่วโมงเร่งด่วนช่วงเช้าที่ประชาชนกำลังเดินทางไปเรียนและทำงาน พวกเขานำก๊าซซารินขึ้นไปบนขบวนรถไฟ แล้วทิ่มให้ถุงเกิดการรั่วไหล ก่อนจะหลบหนีไป ซึ่งผู้คนที่เข้ามาใช้บริการไม่มีใครสงสัยต่างนึกว่าเป็นน้ำธรรมดา
เมื่อก๊าซซารินเกิดปฏิกิริยาคายพิษออกมา ทำให้บางคนอาเจียนออกมาเป็นเลือด บางคนเลือดออกจมูกและปาก บางคนล้มลงน้ำลายฟูมปาก บางคนมีอาการชักอย่างรุนแรง ผู้คนจำนวนมากล้มลงเกลื่อนสถานีรถไฟ แต่กลับไม่มีเสียงร้องใดๆ เพราะก๊าซพิษได้ทำลายระบบปอดจนเป็นอัมพาตทำให้พูดไม่ได้ เจ้าหน้าที่ที่เห็นเหตุการณ์ต้องสั่งอพยพคน และปิดการให้บริการทันที เหตุการณ์นี้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 13 คน และบาดเจ็บกว่า 6,000 คน
จากเหตุวินาศกรรมครั้งนี้ ทำให้ตำรวจบุกตรวจค้นสถานปฏิบัติธรรมที่ทำการของลัทธิโอมชินริเกียว โดยพบสารเคมีนับพันถัง ยิ่งไปกว่านั้นยังพบหลักฐานการลักพาตัว มีห้องเผาศพ และพบเงินจำนวนมหาศาล และยังทำการจับกุมสมาชิกของลัทธิโอมชินริเกียวจำนวนมาก โดยสาวกอ้างว่าทำไปเพื่อเป็นการปลดปล่อยมนุษยชาติ ขณะที่ โชโก อาซาฮาระ เจ้าลัทธิ ปฏิเสธความรับผิดชอบ เขาอ้างว่าได้ห้ามสาวกแล้ว แต่พวกเขาไม่เชื่อ ฝ่าฝืนคำสั่ง ลงมือทำกันเอง แม้ว่า อาซาฮาระ จะปฏิเสธทุกอย่าง แต่เขาถูกทางการดำเนินคดี 10 ข้อหา รวมทั้งฆ่าคนตาย 23 กระทง นอกจากนี้ลัทธิโอมชินริเกียวยังถูกประกาศให้เป็นองค์กรผิดกฎหมาย
นายอาซาฮาระถูกตัดสินโทษประหารชีวิตในปี 2004 และคดีสิ้นสุดในปี 2006 แต่เนื่องจากกฎหมายของญี่ปุ่นทำให้การดำเนินการล่าช้าออกไปหลายปี จนกระทั่งเดือนกรกฎาคม 2018 รัฐบาลญี่ปุ่นได้ประหารชีวิต โชโก อาซาฮาระ และสมาชิกสำคัญอีก 6 คนด้วยการแขวนคอ ปิดฉากลัทธิปิศาจที่เริ่มต้นจากความศรัทธาในไปสู่ความบ้าคลั่งแบบที่โลกต้องจำโศกนาฏกรรมนี้ไปตลอดกาล
Advertisement