จากกรณี สะพานทางด่วน โครงการทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก สัญญาที่ 3 ที่กำลังก่อสร้างอยู่ทรุดตัวพังถล่ม บริเวณซอยพระรามที่ 2 ซอย 17 ถึง ซอย 25 ถนนพระรามที่ 2 แขวงบางมด เขตจอมทอง กทม. ทับคนงานเสียชีวิต 6 ราย และมีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก เหตุเกิดเมื่อเวลา 01.58 น. วันที่ 15 มี.ค. ที่ผ่านมา
วันที่ 20 มี.ค. 68 ที่สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมป์ ถ.พหลโยธิน นางบุญยืน ศิริวรรณ ประธานสมาคมผู้บริโภค พร้อมคณะ เดินทางมาเข้าพบ นายวิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ เพื่อหารือแนวทางการฟ้องคดีเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องเหตุการณ์ดังกล่าว
นางบุญยืน กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เกิดซ้ำซาก จนเราเห็นกันว่าเป็นเรื่องที่ครอบครัวผู้เสียชีวิตได้รับการจ่ายเงินเยียวยาแล้วก็จบ แต่ความเป็นจริงเป็นสิ่งที่เกิดจากความผิดพลาดของมนุษย์ ถ้าเราไม่ดำเนินการใดๆ ให้เป็นคดีความ ตนก็ไม่มั่นใจว่าในอนาคตจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกกี่ครั้ง จะต้องมีคนตายและบาดเจ็บอีกเท่าไหร่ ตนเชื่อว่าผู้รับเหมาไม่ได้อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ต้องมีคนรับผิดชอบ คนที่รับผิดชอบควรจะเป็นใคร ทั้งนี้ความเสียหายกระทบต่อหลายด้านเช่น การเดินทาง ระบบขนส่งและกระทบกับเศรษฐกิจอย่างย่านตลาดมหาชัย และตลาดแม่กลอง รวมไปถึงการท่องเที่ยว ดังนั้นความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงประเมินค่าไม่ได้ และไม่เคยมีผู้ใดรับผิดชอบกับปัญหาที่เกิดขึ้นแม้แต่คนเดียว เราจึงต้องพูดคุยกับปัญหาดังกล่าวว่า จะมีแนวทางการแก้ปัญหาอย่างไร
ด้านนางสารี อ๋องสมหวัง รองประธานสมาคมผู้บริโภค กล่าวต่อว่า ประเด็นที่จะฟ้องเป็นสิทธิที่เกี่ยวกับผู้บริโภคที่จะมีสิทธิ์ได้รับการเยียวยาในเรื่องความปลอดภัยเกี่ยวกับการใช้สินค้าและบริการ รวมถึงได้รับการพิจารณาชดเชยความเสียหายเช่นเดียวกัน ตั้งประเด็นในการฟ้องคดีเพื่อหารือกับสภาทนายความ และยึดหลักจากเหตุการณ์ 2-3 เหตุการณ์ เนื่องจากประเทศไทยเคยมีมติจากคณะรัฐมนตรีเรื่องการเยียวยาความสูญเสียทางด้านจิตใจให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต 3 ล้านบาทต่อราย และเยียวยาค่าเสียโอกาสของผู้เสียชีวิต 4.5 ล้านบาท รวมถึงค่าปลงศพและค่ารักษาพยาบาล ซึ่งตั้งข้อสังเกตกับสภาทนายความว่า ทางผู้บริโภคจะสามารถฟ้องใครได้บ้างกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น รมว.คมนาคม ปลัดกระทรวงคมนาคม อธิบดีกรมทางหลวง ผู้ว่าการทางพิเศษแห่งประเทศไทย บริษัทที่ปรึกษาโครงการ บริษัทผู้รับจ้างก่อสร้างทั้งหมด ตัวแทนภาครัฐที่เป็นผู้ควบคุมงาน รวมถึงเรื่องที่ญาติของผู้เสียชีวิตจะได้รับการชดเชยเยียวยาจนไม่ประสงค์ที่จะดำเนินคดี ทำให้อาจจะเป็นอุปสรรคต่อการฟ้องร้องหรือไม่ จะต้องเป็นรายละเอียดที่ต้องมาพูดคุยกันกับทางสภาทนายความอีกครั้งว่าบุคคลที่กล่าวมาข้างต้นจาก 7 องค์กรจะถูกฟ้องร้องแบบไหนอย่างไร
ขณะที่นายวิเชียร กล่าวว่า ในเรื่องนี้ที่สมาคมผู้บริโภคกล่าวถึงแนวทางการดำเนินคดี ทางสภาทนายความเห็นถึงความจำเป็นเนื่องจากปัจจุบันการใช้เส้นทางดังกล่าว ประชาชนไม่เกิดความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัย สำหรับการดำเนินคดีทางสภาทนายความจะลงไปดูรายละเอียดทั้งหมด ตนคิดว่าจะต้องหารือกับสภาวิศวกร เพื่อจะได้ลงถึงรายละเอียดของสาเหตุการเกิดเหตุที่แท้จริงที่สะพานถล่มเกิดจากอะไร เราต้องแยกแยะองค์ประกอบแต่ละประเภทที่เกิดขึ้นว่าเป็นความรับผิดชอบของใครบ้าง อย่างไรก็ตามในภาพรวม ตนคิดว่าเมื่อเราได้ลงรายละเอียดข้อเท็จจริงแล้วที่จะได้มาทุกอย่างจะบ่งบอกว่ามีใครบ้างที่ต้องรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเราจะพิจารณาว่าสมควรที่จะดำเนินคดีกับใครแบบไหน อาจจะเป็นคดีผู้บริโภค คดีปกครอง ทั้งนี้ในมุมมองของตนมองว่าจะทำอย่างไรเพื่อเป็นเชิงป้องกันไม่ให้เกิดเหตุแบบนี้ในการก่อสร้างสะพานยกระดับของถนนพระราม 2 ตลอดเส้นทาง ที่หน่วยงานของรัฐหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เหมือนกับที่ผ่านมา
ด้านนายก้องศักดิ์ ธหะศักดิ์มนตรี อนุกรรมการฯ สมาคมผู้บริโภค กล่าวว่า มองว่าสิ่งที่สภาทนายความเน้นไปที่เรื่องการป้องกัน ถอดบทเรียนสิ่งเหล่านี้ควรวางไว้ก่อน เพราะเวลาเดินไปทุกวัน อาจจะมีผู้ประสบเหตุเสียชีวิตหรือบาดเจ็บจากเหตุการณ์แบบนี้อีกก็ได้ ตนไม่เชื่อในประเด็นเหล่านี้ ตนขอถามว่าสามารถดำเนินคดีอาญากับผู้ที่รับผิดชอบได้หรือไม่ คาดว่าสภาทนายความสามารถเรียกเอกสาร ทั้งหมดที่ดำเนินการในเชิงอาญา การว่าจ้าง ทุกหน่วยงาน เราจะเห็นถึงการทำงานและคุณภาพ ของบุคคลที่ เกี่ยวข้องทั้งหมด ว่าเขานำบุคคลประเภทไหนมาทำงานจนทำให้เกิดความเสียหายมีผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บมากขนาดนี้ ตนจนอยากรู้ว่าคนที่รับผิดชอบทำได้แค่กล่าวขอโทษเท่านั้นหรือ ตนจึงมองว่าจะต้องดำเนินคดีอาญาต่อคนพวกนี้ให้เด็ดขาด แล้วคนควบคุมงานมีประสิทธิภาพแค่ไหนในการควบคุมงาน ทั้งคนของรัฐและคนของบริษัท อาจจะไม่ตรงกับที่มีชื่อในการดูแลรับผิดชอบงาน บางคนที่มาดูงานจริงอาจจะไม่มีวุฒิการศึกษา อย่างที่ควร ไม่มีชื่ออยู่ในใบงานนี้ อันนี้จึงเป็นที่มาของเหตุสลดทั้งหมด
เมื่อถามว่าประเด็นที่สภาองค์กรผู้บริโภคมุ่งจะฟ้องแพ่ง เพื่อให้ได้เงินเยียวยามากขึ้น จะสามารถแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนได้หรือไม่ นางสารี กล่าวว่า การฟ้องแพ่งให้บริษัทรับเหมารับผิดชอบเยียวยาเพิ่มขึ้น จะทำให้รู้สึกว่าการทำให้เกิดอุบัติเหตุหรือมีคนตายแม้เพียงคนเดียว ไม่คุ้มกับความเสียหายอย่างแน่นอน จึงคิดว่าจะทำให้เกิดมาตรการเพื่อความปลอดภัยสาธารณะขึ้นในอนาคต ผู้ประกอบการก็จะต้องลงทุนเพื่อความปลอดภัย จะสามารถเรื่องนี้เราสามารถดำเนินคดีแทนผู้เสียหายได้ตามกฎหมาย ดังนั้นเราจะมอบหมายให้สภาทนายความช่วยฟ้องร้องคดีให้
นายวิเชียร กล่าวว่า หลังจากนี้จะดำเนินการทุกมิติกับผู้ที่เกี่ยวข้อง และในเบื้องต้นเราจะเน้นเรื่องคดีแพ่งและคดีปกครอง ส่วนคดีอาญาจะติดตามผลอย่างใกล้ชิด ตนคิดว่าในส่วนของคดีปกครองถ้าเรามีมาตรการที่ทำให้ศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวเพื่อความปลอดภัยผู้ประสบเหตุ ทำให้มีความรวดเร็วกว่าคดีอาญาที่จะต้องใช้เวลาไม่รู้กี่ปี แต่ถ้าเรามีการฟ้องคดีปกครองและให้ศาลออกมาตรการต่าง ๆ ตนคิดว่าจะได้ประโยชน์มากขึ้น และต้องขอความร่วมมือจากทางสภาผู้บริโภคเพื่อหารือและตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองต่าง ๆ ว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหานี้หรือไม่
เมื่อถามว่ากรณีแบบนี้สามารถฟ้องร้องแทนกลุ่มผู้บริโภคได้หรือไม่ นายวิเชียร กล่าวว่า สามารถฟ้องแทนผู้บริโภคได้ ซึ่งจะมี 2 รูปแบบคือ รูปแบบแรก ผู้เสียหายเป็นผู้ดำเนินการ และอีกส่วนหน่วยงานจะเป็นผู้ฟ้องเป็นคดีผู้บริโภค ซึ่งทางสภาทนายความไม่สามารถฟ้องเป็นคดีผู้บริโภคได้ เนื่องจากเราอยู่ในระหว่างการแก้ไขกฎหมายให้ทางสภาทนายความเป็นองค์กรที่สามารถฟ้องร้องแทนผู้บริโภคได้ ซึ่งในส่วนนี้อยู่ระหว่างเข้ารับการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร และหลังจากนี้ตนจะไปตั้งคณะทำงานขึ้นและคิดว่าไม่เกิน 1 เดือนจะสามารถออกหมายเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาได้
Advertisement