เมื่อวันที่ 21 มี.ค.68 ตำรวจสายตรวจ ต.บ่อแฮ้ว อ.เมือง จ.ลำปาง รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาทที่บริเวณตลาดสด หนองกระทิงหรือกาดน้ำโท้ง ต.บ่อแฮ้ว อ.เมือง จ.ลำปาง จึงไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นรถเข็นขายน้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋ในตลาดดังกล่าว พบกับนายเอ (นามสมมติ) เจ้าของร้าน เล่าว่า ก่อนหน้านี้มีลุงอายุประมาณ 74 ปี เข้ามาโวยวายหลังจากมาขอซื้อน้ำเต้าหู้ 1 ถุงในราคา 7 บาท โดยคุณลุงคนดังกล่าวจ่ายเป็นเหรียญ 5 บาท 1 เหรียญ เหรียญบาท 1 เหรียญ เหรียญ 50 สตางค์ 1 เหรียญ และเหรียญสลึงอีก 2 เหรียญ รวม 7 บาท ซึ่งตนเองบอกว่าขออนุญาตไม่รับเหรียญสลึง และเหรียญ 50 สตางค์ เพราะว่าเอาไปใช้จ่ายยากมาก ไม่ค่อยมีใครรับ แต่ลุงไม่พอใจเอะอะโวยวาย พร้อมกับบอกว่าเงินเหรียญก็สามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมายทำไมไม่รับ หลังจากนั้นลุงก็โทรแจ้งตำรวจให้เข้ามาไกล่เกลี่ย ซึ่งไม่สามารถไกล่เกลี่ยกันได้ และทราบว่าต่อมาลุงได้เดินทางไปที่ สภ.เมืองลำปาง เพื่อไปพบกับพนักงานสอบสวน
ต่อมาผู้สื่อข่าวไปพบ นายรงค์ (นามสมมติ) วัย 74 ปี เล่าให้ฟังว่า เมื่อเช้านี้ตนเองได้ไปซื้อน้ำเต้าหู้จริง โดยนำเงินเหรียญ 5 บาท 1 เหรียญ เหรียญ 1 บาท 1 เหรียญ เหรียญ 50 สตางค์ 1 เหรียญ และเหรียญสลึง 2 เหรียญ รวม 7 บาท ไปซื้อน้ำเต้าหู้ แต่เจ้าของร้านปฏิเสธไม่รับเงิน ซึ่งตนเองมองว่าเหรียญสลึง หรือเหรียญ 50 สตางค์ก็คือเงิน ทำไมร้านถึงไม่รับ ทำให้เกิดวิวาทะและโมโหจึงแจ้งตำรวจเข้ามาไกล่เกลี่ย แต่ก็ตกลงไม่ได้ จึงตัดสินใจเดินทางมาพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองลำปาง เพื่อจะมาปรึกษาว่าสามารถแจ้งความเอาผิดร้านที่ไม่ยอมรับเงินเหรียญดังกล่าวได้หรือไม่ เพราะอยากให้เป็นอุทาหรณ์ เพราะเงินทุกบาททุกสตางค์ก็มีค่า สามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย
Advertisement