ลุ้นชะตากรรม! ญาติฝันเห็นคนตาย 3คืนติด ก่อนหลานชายสูญหายในซากตึกสตง.
ลุ้นชะตากรรม! ญาติฝันเห็นคนตาย 3คืนติด ก่อนหลานชายสูญหาย ในซาก ตึกสตง.ถล่ม จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมียนมา
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 1 เม.ย. 68 ที่จ.ขอนแก่น ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ หมู่11 บ้านวังทอง ต.วังเพิ่ม อ.สีชมพู จ.ขอนแก่อน พบครอบครัวคนงานก่อสร้างผู้สูญหาย จากเหตุการณ์ อาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) สูง 30 ชั้นในกทม. ถล่มลงมา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งเป็นบ้านของนายอนุพล เกตุภูเขียว หรือ น้องหยวก อายุ 26 ปี ช่างไฟฟ้าที่ทำงานอยู่ภายในอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว ทำให้อาคารถล่ม ครอบครัวไม่สามารถติดต่อกับนายอนุพลได้อีก
น.ส.ชัยประชา สุแพง อายุ 48 ปี น้าสาวของนายอนุพล เปิดเผยว่า หลานชายเติบโตมากับตายายป้าและน้า เนื่องจากพ่อแม่แยกทางกัน ก่อนแม่ก็เสียชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก เมื่อโตขึ้นได้เรียนการศึกษานอกระบบ (กศน.) จนจบระดับมัธยมศึกษาตอนต้นแล้ว ออกหางานทำ ก่อนจะรู้จักกับผู้รับเหมารายหนึ่ง และเดินทางทำงานไปตามโครงการก่อสร้างต่างๆ
ล่าสุดทำงานเป็นช่างไฟฟ้าในอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินทึ่เกิดเหตุมาได้ประมาณ 5 เดือนแล้ว โดยปกติแล้วนายอนุพลไม่ค่อยโทรศัพท์กลับบ้านบ่อยนัก ส่วนใหญ่จะพูดคุยเรื่องการค้าขาย และเคยบอกว่าตั้งใจทำงานเก็บเงิน เพื่อซื้อรถยนต์กลับมาอยู่บ้าน จะได้ขับรถพาน้าสาวไปขายกับข้าวตามหมู่บ้าน
น.ส.ชัยประชา กล่าวอีกว่า ก่อนเกิดเหตุแผ่นดินไหว ตนฝันเห็นญาติที่ตายไปแล้วโดยในฝันมีทั้งตายาย และแม่ของนายอนุพล ติดต่อกัน 3 คืน แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรคิดในแง่ดีขอตัวเลขอย่างเดียว ไม่อยากจะคิดไปในทางที่เป็นลางร้าย ขณะเดียวกันพี่สาวคนโต ซึ่งเป็นป้าของนายอนุพลก็ฝันเห็นญาติผู้ใหญ่ที่เสียชีวิตไปแล้วกลับมาหาที่บ้าน จึงพูดคุยกันว่าอาจเป็นลางไม่ดี กระทั่งเช้าวันที่ 28 มี.ค. เวลา 10.00 น. นายอนุพลโทรศัพท์มาหาพูดคุยตามปกติ ก่อนวางสายไป แต่ช่วงบ่ายหัวหน้างานของนายอนุพลโทรมาแจ้งว่าอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินถล่ม และนายอนุพลซึ่งทำงานอยู่ภายในอาคารขณะนั้นยังไม่ทราบชะตากรรม จนถึงขณะนี้ยังคงหาตัวไม่พบ
ครอบครัวจึงตั้งใจเตรียมเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ไปยังจุดอำนวยการค้นหาผู้สูญหายจากอาคารถล่ม เพื่อเฝ้ารอข่าวของนายอนุพล หากพบว่าเสียชีวิตจริงก็ต้องการนำร่างกลับมาประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้าน พร้อมขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งในเรื่องการนำศพกลับบ้านและการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดพิธีทางศาสนา เนื่องจากครอบครัวมีฐานะยากจน
Advertisement
