ญาติและครอบครัว นำร่างชายวัย63 ถูกตำรวจวิสามัญ บำเพ็ญกุศลวัดเชิงหวาย พบถูกรางวัลที่1งวด16มี.ค. ด้านลูกสาวข้องใจ เรียกร้องตำรวจนำกล้องมาเปิดเผย
วันนี้ (6 เม.ย.) ที่ วัดเวตวันธรรมาวาส หรือ วัด เซิงหวาย ทางญาติพี่น้องและครอบครัว ได้นำร่างนายอดุลย์ ที่ถูกตำรวจวิสามัญ มาทำพิธีรดน้ำศพ และตั้งบำเพ็ญกุศล สวดพระอภิธรรมศพ เป็นเวลา 3 วัน 6-7-8 และในวันที่ 9 เมษายน 2568 จะทำพิธีถวายภัตตาหารเพลพระสงฆ์ ในเวลา 10.00 น. เวลา 15.00 น. พระสงฆ์แสดงธรรมเทศนา และในเวลา 17.00 น. ประชุมเพลิง
โดยนางสาว นันทนา รุจิภพประเสริฐ ลูกสาวผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุ พ่อมีอาการเมาเหล้า อาละวาด และจำคนในครอบครัวไม่ได้ หาว่าตนและแม่เป็นตัวปลอม แม่จึงบอกว่าจะแจ้งตำรวจให้มาระงับเหตุและให้นำตัวไปโรงพยาบาล ขณะนั้นพ่อโวยวายและเตะข้าวของ แต่ยังไม่ได้ถืออาวุธมาทำร้าย ตนจึงให้แม่โทรแจ้งตำรวจเพื่อเข้าระงับเหตุ และตนเองได้ออกมาจากบ้าน ระหว่างทางได้สวนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ
ต่อมาไม่นาน ตนได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 2 นัดแรก ตามด้วยเสียงปืนดังรัวอีกหลายนัด ตนจึงรีบวิ่งกลับไปที่บ้าน พบว่าพ่อนอนล้มอยู่กับพื้น เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกกับตนว่ายิงไปที่ขาพ่อ แต่เมื่อตนขึ้นไปดูใกล้ ๆ พบว่ามีร่องรอยกระสุนที่หน้าอก ตนจึงสอบถามตำรวจว่าทำไมถึงยิงมากขนาดนี้ ตำรวจตอบว่าเพราะพ่อถือมีดจะมาทำร้ายเจ้าหน้าที่ ซึ่งตนเห็นเจ้าหน้าที่ถือมีดลงมา แต่ไม่เห็นมีดวางอยู่ข้างศพ
จากการตรวจสอบบาดแผลพบว่ามีรอยกระสุนเข้าที่บริเวณหัวใจ 1 นัด ราวนม 2 นัด แขนซ้าย 1 นัด และขา 1 นัด นอกจากนี้ ยังมีร่องรอยกระสุนบนพื้นบ้านอีก 3 นัด น.ส.นันทนามองว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำเกินกว่าเหตุ เนื่องจากเป็นเพียงเหตุการณ์คนเมาอาละวาด ไม่ใช่คดีร้ายแรง ตนเพียงต้องการให้ตำรวจมาระงับเหตุ เหมือนกับที่พี่ชายตนเคยเมาอาละวาด ตอนนั้นตำรวจก็สามารถพูดคุยระงับเหตุได้โดยไม่มีการใช้อาวุธปืน ทั้งที่พี่ชายเคยมีพฤติกรรมใช้กำลังทำร้ายคนในบ้านเช่นกัน
ทั้งนี้ น.ส.นันทนา สงสัยว่าเหตุใดเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงยิงพ่อหลายนัดขนาดนั้น ทั้งที่พ่อเพียงแค่เมาเหล้า และเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองนายได้ยิงรัวใส่พ่อไม่ยั้ง หากต้องการระงับเหตุจริง ทำไมไม่ยิงบริเวณตั้งแต่เอวลงไป เนื่องจากพ่อมีอายุมากแล้ว ไม่จำเป็นต้องยิงเข้าที่หน้าอกตนจึงเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำกล้อง Bodycam มาเปิดเผย เพื่อให้ทราบว่าพ่อของตนเข้าประชิดตัวเจ้าหน้าที่จริงหรือไม่ หรือถูกยิงในระยะประชิดจริงหรือไม่ เพราะหากยิงในระยะประชิด กระสุนน่าจะทะลุตัวไปแล้ว แต่นี่กระสุนยังฝังอยู่ในร่างของพ่ออยู่เลย
ขณะที่นางมนธิดา จวนแจ้ง อายุ 65 ปี อดีตภรรยาของผู้ตาย เปิดเผยว่า ตนและนายอดุลย์ได้จดทะเบียนหย่ากันมากว่า 20 ปีแล้ว แต่ยังคงอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน ก่อนเกิดเหตุ นายอดุลย์ได้ดื่มเหล้าจนมีอาการมึนเมาและอาละวาด กล่าวหาว่าตนและลูกปลอมตัวมา พร้อมทั้งถือมีดอีโต้ขนาดใหญ่เพื่อจะทำร้ายตน ด้วยเหตุนี้ ตนจึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้าระงับเหตุ
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาถึง นายอดุลย์ยังคงอยู่ในห้อง ตนจึงได้เคาะประตูเรียก เมื่อนายอดุลย์เปิดประตูออกมาพร้อมด้วยอาวุธมีด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งให้ตนถอยห่าง และตำรวจบอกกับนายอดุลย์ว่า "นี่ตำรวจ มีอาวุธปืนนะ" แต่นายอดุลย์ตอบกลับว่า "มีปืนกูก็ไม่กลัวหรอก" จากนั้นนายอดุลย์ได้เดินเข้าหาเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมมีด ในระหว่างนั้น ตนได้หันหลังเพื่อหาไม้มาตีมือของนายอดุลย์ หวังให้วางมีดลง แต่ในขณะที่ตนหันหลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่นายอดุลย์หลายนัด จนล้มลงกับพื้น
นางมนธิดา กล่าวเพิ่มเติมว่า โดยปกติเมื่อนายอดุลย์ดื่มเหล้าจนมึนเมา มักจะมีอาการเสียงดังโวยวาย แต่ไม่เคยรุนแรงถึงขั้นขาดสติและจำคนในครอบครัวไม่ได้ และตนก็มองว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจในครั้งนี้มีความรุนแรงเกินกว่าเหตุ โดยจุดประสงค์ของการแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น เพียงต้องการให้มาระงับเหตุเท่านั้น ไม่ได้ต้องการให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงแบบนี้ ซึ่งขณะนี้ตนเองก็ยังไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไป
นางมนธิดา ยังได้กล่าวถึงเหตุการณ์เมื่อวันที่ 16 มีนาคม ที่ผ่านมาว่า นายอดุลย์ได้ถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลรางวัลที่หนึ่ง จำนวนหนึ่งใบ ได้รับเงินรางวัล 6 ล้านบาท ซึ่งได้นำเงินส่วนหนึ่งไปซื้อบ้านให้ลูก ราคา 1.7 ล้านบาท และได้แบ่งเงินให้กับลูกและตนเอง ก่อนที่จะนำเงินส่วนใหญ่ไปแจกจ่ายให้กับเพื่อนฝูงและชาวบ้าน โดยมีการเบิกเงินไปใช้จ่ายวันละ 100,000 บาท ซึ่งขณะนี้คาดว่าเงินรางวัลน่าจะหมดแล้ว เนื่องจากมีการนำเงินไปมอบให้กับผู้ที่รู้จักคนละ 1,000 บาท บริจาคให้กับโรงพยาบาลภายหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว และนำไปทำบุญต่างๆ
นอกจากนี้ นายอดุลย์ยังได้ซื้อทองคำน้ำหนัก 5 บาท และได้แบ่งให้กับลูก น้องสาว และตนเอง ซึ่งการแบ่งทรัพย์สินดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและไม่มีปัญหาใดๆ เกิดขึ้น นางมนธิดาจึงยืนยันว่า สาเหตุของการทะเลาะวิวาทในครั้งนี้ไม่ได้มาจากเรื่องเงินทอง แต่มีสาเหตุมาจากการที่นายอดุลย์ดื่มเหล้าจนเมาขาดสติ
Advertisement