ในช่วงค่ำวานนี้ (23 เม.ย. 2568) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ระเบาะไผ่ ได้ทำการสอบสวนอย่างหนักกับ นายต้องตะวัน (สงวนนามสกุล) อายุ18 ปี ลูกนายรัตนะ ในที่สุดยอมเปิดปากรับสารภาพว่าเป็นคนทำร้าร่างกายน้องก้าวจนเสียชีวิต เนื่องจากมรความอิจฉาว่าพ่อรักน้องก้าวมากกว่า จึงทำร้ายร่างกายทั้งเตะ กระทืบ กัด จนทำให้เสียชีวิต
ต่อมา พล.ต.ต. เกียรติศักดิ์ สระทองออย ผบก.ภ.จว.ปราจีนบุรี ได้เดินทางไปที่ สภ.ระเบาะไผ่ เพื่อทำการสอบสวนด้วยตัวเอง และให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า เบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การเป็นประโยชน์ รับว่ามีการทำร้ายร่างกายน้องในวันที่พบศพ แล้วก็มาทราบว่าน้องเสียชีวิต จึงอยากรับผิดชอบ และกลัวพ่อถูกดำเนินคดี เพราะพ่อของตนไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ จากการสอบสวนวิธีการทำร้าย ก็เข้ากับตำแหน่งของบาดแผล ต้องรอผลจากแพทย์นิติเวชเพื่อดูสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัดอีกครั้ง
ส่วนสาเหตุในการทำร้ายร่างกายเด็กที่เสียชีวิตเนื่องจากอิจฉา เพราะเป็นเด็กที่พ่อรับมาเลี้ยง และไม่ได้ทำร้ายน้องในวันที่พบศพเพียงครั้งเดียว ยังเคยทำร้ายร่างกายมาก่อนในช่วงสงกรานต์ ตอนที่ไม่มีใครอยู่ ปกติก็ทำร้ายด้วยการเตะต่อย และรอยบาดแผลก็จะเห็นส่วนมากที่บริเวณท้อง ลำตัว ส่วนตัว นายเอ๋ ยืนยันว่าไม่ได้ทำร้ายเด็ก ทาง จนท. มีการสอบสวนถึงดึก ก็ยืนยันว่าไม่ได้ทำ แต่ทาง จนท. ยังไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากปกติเด็กจะอยู่กับนายเอ๋แทบตลอดเวลา แต่จากการสอบปากคำ ตอนช่วงสงกรานต์ที่ พ่อ หรือ นายเอ๋ รู้ว่า ลูกไปทำร้ายน้อง ก็มีการตีและสอบถามว่าทำร้ายน้องทำไม เบื้องต้นแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นให้ถึงแก่ความตาย และต้องรอผลชันสูตรอีกที หากมีอะไรเพิ่มเติมค่อยแจ้งข้อหาเพิ่ม
เมื่อเวลา 9.30 น. วันนี้ (24 เม.ย. 68) พ.ต.ท.มานิตย์ กิจหิรัญ รอง ผกก.สส.สภ.ระเบาะไผ่ พ.ต.ท.เดช ภูมิฐาน พนักงานสอบสวน สภ.ระเบาะไผ่ พร้อมกำลังชุดสืบสวน ได้นำตัว นายต้องตะวัน จัดทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หลังจากเจ้าตัวรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือทำร้าย "น้องเก้า" เด็กชายวัย 4 ขวบ ในวันเกิดเหตุ
เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัว นายอิง ออกจากห้องสอบสวน พร้อมสวมหมวกกันน็อก เพื่ออำพรางใบหน้า ก่อนพาขึ้นรถกระบะมุ่งหน้าไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังบ้านจุดเกิดเหตุ ขณะเดินออกมาจากโรงพัก ทีมข่าวได้พยายามสอบถามถึงแรงจูงใจในการทำร้ายร่างกายน้องเก้า แต่ในตอนแรก นายอิง ไม่ให้คำตอบใดๆ กระทั่งเมื่อถามย้ำว่า "เพราะน้อยใจพ่อใช่หรือไม่?" จึงพยักหน้ารับ และเมื่อถามย้ำอีกครั้งว่า ที่พยักหน้าเพราะรู้สึกน้อยใจจริงๆ หรือไม่ เจ้าตัวตอบสั้นๆ เพียงคำว่า "ใช่" โดยไม่มีการขยายความใดเพิ่มเติม
เมื่อถึงที่เกิดเหตุ ตำรวจได้คุมตัวไปยังบ้านจุดเกิดเหตุ บริเวณกระต๊อบหลังเล็กภายในพื้นที่บ้านของผู้ดูแลที่เด็กนอนเสียชีวิต จุดที่ 2 บริเวณข้างบ้านตรงกองทรายใต้ต้นส้มจุดที่ 3 ภายในบ้านชั้นล่างจุดที่ 4 บริเวณชั้นบนของบ้าน โดยเฉพาะจุดที่ "น้องเก้า" อาจถูกทำร้าย รวมถึงจุดที่พบร่างไร้ชีวิตของเด็กชายวัย 4 ขวบ เพื่อประกอบสำนวนคดีให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
บรรยากาศระหว่างการทำแผนเต็มไปด้วยความตึงเครียด มีชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงทยอยเดินทางมายืนสังเกตการณ์กันหลายสิบคน รวมถึงยายของน้องเก้า ซึ่งเดินทางมาเฝ้าดูการทำแผนด้วยสีหน้าเศร้าแต่แฝงไปด้วยความคับแค้นใจ
หลังจากเสร็จสิ้นการชี้จุดทำแผนประกอบคำรับสารภาพภายในบ้านจุดเกิดเหตุ ตำรวจได้ควบคุมตัว "นายอิง" ขึ้นรถกระบะอีกครั้ง ท่ามกลางการจับตามองของชาวบ้านที่ยังคงปักหลักรอดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
โดยเจ้าหน้าที่นำตัวกลับไปยังสถานีตำรวจภูธรระเบาะไผ่ เพื่อทำการสอบปากคำเพิ่มเติมในประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับพฤติการณ์ในวันเกิดเหตุ พร้อมรวบรวมคำรับสารภาพและพยานแวดล้อมทั้งหมดให้ครบถ้วน เพื่อเตรียมดำเนินการในขั้นตอนต่อไป
ภายหลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการสอบสวน เจ้าหน้าที่เตรียมนำตัวผู้ต้องหาส่งฝากขังต่อศาลจังหวัดปราจีนบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหา "เกี่ยวกับการทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย" พร้อมค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูงและเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ
สอบถาม แม่ค้าร้านขายของชำในหมู่บ้าน กล่าวว่า จากที่ดูข่าวรู้สึกตกใจ ส่วนตัวไม่เชื่อว่าน้องอิงจะเป็นคนก่อเหตุ เพราะเป็นคนนิสัยดีพูดจาเรียบร้อยสุภาพ น่าจะมีไรบางอย่างที่ทำให้รับสารภาพกับตำรวจ และพ่อของอิงก็เป็นคนรักเด็ก เด็กที่เสียชีวิตเองก็เป็นเด็กที่น่ารักเข้าใจพูดเป็น
ส่วนแม่น้องเก้า กล่าวว่า ตอนเองไม่อยากมาเห็น พูดไม่ถูก ก็คงปล่อยให้เป็นเวรกรรม เพราะไปจองเวรก็ไม่ทันแล้ว ขอให้ไปรับกรรมในคุก ส่วนตัวไม่ได้สนิทอะไรกับบ้านนี้เลย
ในขณะที่น้าน้องเก้า กล่าวว่า รู้สึกแค้นใจ เจ็บใจ ที่ทำอะไรไม่ได้ด้วย ตอนทราบข่าวครั้งแรกช็อกเลย ในส่วนของแม่ดูไม่ปกติ แต่ไม่ทำลูกตัวเองแน่นอน ติดแค่แม่เอาลูกไปอยู่ด้วยไม่ได้ เพราะแฟนใหม่ไม่เอาเด็ก ตอนทราบข่าวก็เสียใจแต่ก็โล่งใจในอีกทางหนึ่งว่าตัวแม่เด็กไม่ได้เป็นคนทำ ตอนมาทำแผนก็รู้สึกว่าโหดเหี้ยมเกินไป
Advertisement