กรณีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ได้เจาะบ่อบาดาลให้กับประชาชน บ้านทุ่งคูณ หมู่ 19 ตั้งเป้า 6 บ่อ, บ้านพยอมงาม หมู่ 12 อยู่ระหว่างเจาะสำรวจ เป็นพื้นที่ ต.ห้วยกระเจา อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี และบ้านปากชัดหนองบัว หมู่ที่ 2 ตั้งเป้า 10 บ่อ เป็นพื้นที่ ต.ห้วยกระเจา อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี
ทั้งนี้ระหว่างการการสำรวจขุดเจาะแหล่งน้ำบาดาลให้ชาวบ้าน เพื่อใช้ในการเกษตรและบริโภคในพื้นที่บ้านทุ่งคูณ หมู่ 19 เมื่อวันที่ 9 ก.พ.64 ปรากฏว่าไปพบแหล่งน้ำพุธรรมชาติที่มีลักษณะพิเศษ ผุดขึ้นมา 1 บ่อ ความสูงพุงประมาณ 1.80 ม.
ต่อมาช่วงบ่ายของวันที่ 11 ก.พ.64 พบน้ำพุธรรมชาติพุ่งขึ้นมาอีก 1 บ่อ ความสูงประมาณ 3 เมตร ซึ่งอยู่ไม่ห่างกันมากนัก ทำให้ชาวบ้านฮือฮาเพราะไม่เคยขุดเจาะพบแบบนี้ที่ไหนในประเทศไทยมาก่อน และจาการซิมน้ำบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า รสซ่า คล้ายน้ำโซดาออกหวานนิด ๆ เมื่อนำไปผสมเป็นเครื่องดื่มต่าง ๆ จึงเหมือนกับโซดาที่มีขายตามร้านค้าเครื่องดื่มทั่วไป
ล่าสุดวันที่ 12 ก.พ.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่บ้านทุ่งคูณ หมู่ 19 พบน้ำพุธรรมชาติที่กำลังพุงอยู่ 2 จุด ซึ่งจุดที่ 2 ห่างตากจุดแรกเพียง 100 เมตร การพุ่งของน้ำยังคงอยู่ที่ 3 เมตร ทั้งนี้ทีมข่าวทราบว่า ตามแผนที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาล วางไว้ในหมู่ 19 จะเจาะทั้งหมด 6 บ่อ ซึ่งขณะนี้เจาะได้เพียง 3 บ่อ แต่พบน้ำพุธรรมชาติ 2 บ่อ จึงมีการยุติไว้ก่อน
ขณะเดียวกันทีมข่าวได้ขออนุญาตเจ้าหน้าที่ชิมน้ำ ที่ค่อยดูแลอยู่ที่บ่อบาดาล โดยทีมข่าวได้ลองดมน้ำก่อนซึ่งไม่มีกลิ่นใด ๆ เมื่อชิมน้ำแบบไม่ได้ผสมอะไรพบว่ามีรสชาติหวาน และเหมือนน้ำโซดา ไม่ซ่า ประกอบกับมีกลิ่นเหมือนสนิมในท่อเหล็ก ขณะเดียวกันได้ลองผสมกับน้ำแดงพบว่าน้ำแดงกลบรสชาติของน้ำ กลายเป็นน้ำแดงผสมน้ำธรรมดา
นางศิลาพร เปรมใจ อายุ 50 ปี ชาวไร่ ได้ชิมน้ำที่ตักมาในขวดของทีมข่าว บอกว่า ปกติดื่มน้ำบาดาลอยู่แล้ว แต่รสชาติจะปกติเหมือนน้ำดื่มทั่วไป ไม่เหมือนน้ำพุธรรมชาติที่เพิ่งดื่มเข้าไป กลับมีรสชาติคล้ายน้ำโซดา ไม่ซ่า มีรสออกกลิ่นท้อพีวีซี แต่มีรสหวานร่วมด้วย ดังนั้นหากให้นำน้ำไปดื่ม ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ ตนไม่ขอนำไป เพราะคิดว่าน้ำน่าจะมีสารอะไรบางอย่าง การให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบก่อนจะปลอดภัยมากกว่า
อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นหลังทีมข่าวได้ทดลองชิมน้ำดังกล่าว เจ้าหน้าที่ประกาศให้ประชาชนเยี่ยมชมได้ แต่ห้ามดื่มน้ำ เนื่องจากกังวลเรื่องอันตรายของสารที่อาจจะอยู่ในน้ำ โดยขอให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลตรวจสารในน้ำให้ชัดเจนก่อน นอกจากนี้หลังทดลองชิมไปแล้ว 10 นาที ปรากฏว่าน้ำเปลี่ยนสีเป็นสีขุ่น เหลือง
สำหรับโครงการศึกษา สำรวจ และพัฒนาน้ำบาดาลจากแหล่งกักเก็บน้ำในหินแข็งระดับลึก พื้นที่หมู่บ้านทุ่งคูณ หมู่ที่ 19 ตามรายงานก่อนหน้านี้ มีโครงการเจาะบ่อบาดาล 6 บ่อ ซึ่งปัจจุบันเจาะได้ 3 บ่อ ดังต่อไปนี้
บ่อที่ 1 เจาะลึก 280 ม. คาดว่าจะมีน้ำใช้ได้ 36 ลบ.ม./ซม. ซึ่งบ่อนี้ไม่มีน้ำพุ เจ้าหน้าที่จึงปิดล็อกท่อ เตรียมที่จะดำเนินการเชื่อมต่อกับถังเหล็กกักเก็บน้ำ รวมกับบ่ออื่น ๆ ต่อไป
บ่อที่ 2 เจาะลึก 224 ม. คาดว่าจะมีน้ำใช้ได้ 30-50 ลบ.ม./ซม. ซึ่งบ่อนี้เพิ่งพบน้ำพุธรรมชาติพุงขึ้นมาเมื่อวันที่ 11 ก.พ.64 ความสูงที่เจ้าหน้าที่วัดได้ขณะนี้ 3 เมตร
บ่อที่ 3 เจาะลึก 303 ม. คาดว่าจะมีน้ำใช้ได้ 30 ลบ.ม./ซม. โดยบ่อนี้พบน้ำพุธรรมชาติพุงขึ้นมาวันที่ 9 ก.พ.64 ความสูงที่วัดได้วันแรกคือ 1 เมตร แต่วันนี้พบว่าน้ำได้พุ่งสูงถึง 6 เมตรแล้ว
โดยโครงการดังกล่าว หากแล้วเสร็จทั้ง 6 บ่อ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล คาดไว้ว่าจะมีหมู่บ้านได้รับประโยชน์ รวม 9 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านห้วยกระเจา หมู่ที่ 2, บ้านห้วยกระเจา หมู่ที่ 3, บ้านดงตาอินทร์ หมู่ที่ 4, บ้านหัวอ่าง หมู่ที่ 6, บ้านทัพพระยา หมู่ที่ 8, บ้านอุดมสุข หมู่ที่ 10, บ้านทุ่งใหญ่ หมู่ที่ 14, บ้านโกรกแสลบ หมู่ที่ 18 และบ้านทุ่งคูณ หมู่ที่ 12
ทีมข่าวสอบถามเจ้าหน้าที่ชุดปปฏิบัติการ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล บอกว่า ปรากฏการณ์น้ำโซดาหรือน้ำอัดลมที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ อัดตัวกับน้ำบาดาลด้านล่าง จึงทำให้มีความซ่า ส่วนบางคนที่ดื่มแล้วรู้สึกหวาน เนื่องจากมีโซเดียมและโพรแทสเซียม ทำให้รสชาติออกหวาน ส่วนการทิ้งน้ำไว้ในขวดและน้ำเปลี่ยนสีนั้น เป็นธรรมชาติของน้ำที่ยังไม่ผ่านขั้นตอนการปรับปรุงคุณภาพ
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะขึงขึงเชือก และติดป้ายโดยรอบ ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ โดยห้ามและไม่แนะนำให้ประชาชนชิม หรือนำน้ำไปดื่ม เนื่องด้วยยังอยู่ระหว่างวิเคราะห์ตรวจหาสารต่าง ๆ ซึ่งหากผ่านขั้นตอนนี้แล้ว จะนำสู่ขั้นตอนการปรับปรุงคุณภาพน้ำ ก่อนให้ประชาชนได้ใช้อุปโภคบริโภคต่อไป
หลังเจ้าหน้าที่ปิดประกาศงดให้ดื่มน้ำ และห้ามเดินบนคันดินริมบ่อแล้ว ช่วงบ่ายยังคงมีประชาชนทยอยเดินทางมาเยี่ยมชมปรากฏการณ์น้ำพุกันอย่างต่อเนื่อง
นายณรงค์ เกศูนย์ อายุ 53 ปี ประชาชนจาก ต.ดอนตาเพชร อ.พนมทวน เดินทางมาไกลประมาณ 25 กม. มาพร้อมกับขวดน้ำ เปิดเผยว่า วันนี้ตนตั้งใจมาเอาน้ำ เนื่องจากการดูในโลกโซลเซียลมีเดียมีการ กล่าวอ้างว่า น้ำรักษาโรคเบาหวานได้ เพราะแม่ยายตนเป็นโรคเบาหวาน จึงจะลองเอาน้ำพุซ่าไปให้ดื่ม
แต่เมื่อมาถึง เจ้าหน้าที่ก็ปิดกั้นแล้ว และมีการชี้แจงว่าก่อนหน้านี้มีชาวบ้านที่ตั้งใจจะมาเอาน้ำ แล้วลื่นตกน้ำ ประกอบกับปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น จึงกังวลว่าประชาชนจะได้รับอันตราย ตกน้ำ ส่วนน้ำก็อยู่ระหว่างการสำรวจผลกระทบในการอุปโภค บริโภค อย่างไรก็ตาม ตนจึงต้องยุติก่อน ตนก็เข้าใจ ไม่เสียใจ แต่แค่ได้เห็นก็ตื่นเต้นและดีใจแล้ว
นอกจากนี้ ส่วนตัวเคยพบเห็นการเจาะบาดาล จะต้องใช้ปั๊มโยกถึงจะได้น้ำ แต่บางแห่งเจาะแล้วไม่เจอน้ำก็มี ดังนั้นฝากเชิญชวนประชนชนใน จ.กาญจนบุรี มาดูปรากฏการณ์ในครั้งนี้กัน เพราะก็คงหาดูยาก
นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Jirakiat Bhumisawasdi ระุบว่า ตามที่ได้มีข่าวและทุกท่านได้รับทราบแล้วว่า กรมทรัพยากรน้ำบาดาล ขุดพบแหล่งน้ำใต้ดินจำนวนมหาศาลที่เขตของอำเภอบ่อพลอยติดกับห้วยกระเจา ซึ่งเป็นความหวังสำหรับพี่น้องประชาชนของอำเภอห้วยกระเจาและอำเภอใกล้เคียงว่า ต่อไปความแห้งแล้งและการขาดแคลนน้ำในพื้นที่บริเวณดังกล่าวจะลดลงเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่อย่างไรก็ดี ต้องรอผลการวิเคราะห์ที่กรมทรัพยากรน้ำกำลังดำเนินการ หากสามารถใช้อุปโภคบริโภคหรือการเกษตรได้ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี
Advertisement