เมื่อวันที่ 13 ก.พ.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี รายงานที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กลุ่มราษฎรจัดกิจกรรม “นับ 1 ถึงล้าน คืนอำนาจให้ประชาชน” เริ่มตั้งแต่เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป กลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มทยอยเดินทางมารวมตัวกันบริเวณด้านหน้าร้านแมคโดนัลด์ มีการนำรถโมบาย 6 ล้อ บรรทุกเครื่องเสียงมาจอดไว้บริเวณด้านหน้าร้าน
โดยมีกิจกรรมนำผ้าสีแดงขนาดใหญ่มากางไว้บนพื้นถนน เพื่อให้มวลชนร่วมกันเขียนข้อความแสดงความคิดความคิดเห็นทางการเมือง และรู้สึกต่าง ๆ
จากนั้นเวลา 15.30 น. นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ ได้เดินทางมายังจุดชุมนุม พร้อมกล่าวว่า หากมีการสลายการชุมนุม ตอนนี้หมดเวลากลัว หมดเวลาถอย มีแต่จะสู้เท่านั้น วันนี้จะไม่มีคำสั่งถอยจากตนเด็ดขาด ใครพร้อมเป็นแนวหน้าก็เตรียมตัว หากจะมีอะไรเกิดขึ้น ขอให้ฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐเป็นผู้กระทำก่อน ไม่ให้เสียความชอบธรรมในการขับเคลื่อนประชาธิปไตย อย่าให้ฝ่ายราษฎรเริ่มก่อน
ในระหว่างนั้น พ.ต.อ.ทศพล อำไพพิพัฒน์กุล ผกก.สน.สำราญราษฎร์ ได้อ่านประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงสั่งให้ผู้ชุมนุมยุติการรวมกลุ่ม เนื่องจากเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.ควบคุมโรค มวลชนก็พากันโห่ไล่พร้อมเคาะหม้อส่งเสียงดังจนเจ้าหน้าที่ต้องถอยกำลังออกไปเพื่อลดการเผชิญหน้า
สำหรับการรักษาความปลอดภัย มีกำลังจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 กำลังจากกองอารักขาเเละควบคุมฝูงชน กำลังตำรวจท้องที่ สน.ชนะสงคราม เเละ สน.สำราญราษฏร์ นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ชุด EOD นำเครื่องสเเกน เเละสุนัขดมกลิ่น เพื่อหาวัตถุระเบิดโดยรอบอนุสาวรีย์ฯ ส่วนสภาพการจราจรบนถนนราชดำเนินกลาง มุ่งหน้าสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ขณะนี้ถูกปิดทุกช่องทาง รถที่มุ่งหน้าเข้ามาต้องวนกลับไปฝั่งสนามหลวง
กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ประกาศให้กลุ่มผู้ชุมนุมหยุดการเดินหน้าขบวนเข้ามายังบริเวณเขตพระบรมมหาราชวัง โดยสั่งให้กลุ่มผู้ชุมนุมหยุดทำกิจกรรม ห้ามล้ำเข้ามาใกล้เขตพระราชวัง ในระยะ 110 เมตร เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสีย พร้อมย้ำว่าให้ตัวแทนหรือแกนนำเข้ามาพูดคุยเจรจา เพื่อหาทางออกในการยุติการชุมนุมในวันนี้
เวลาประมาณ 17.30 น. แกนนำโดยไมค์ ภาณุพงพงษ์ ได้ประกาศให้มวลชนทยอยรื้อ ต้นไม้ออกจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยมีมวลชนเข้าไปร่วมนำต้นไม้ออกมาจากบริเวณโดยรอบจำนวนมาก ต่อมาเวลาประมาณ 18.05 น. ตัวแทนมวลชนนำผ้าสีแดงพื้นใหญ่ที่เขียนข้อความก่อนหน้านี้ ไปล้อมรอบบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งใช้เวลาในการผูกผ้าประมาณ 15 นาที
ก่อนที่ครูใหญ่ขอนแก่น จะประกาศให้มวลชนเคลื่อนที่จากบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยไปยังศาลหลักเมือง เพื่อที่จะสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยเวลาประมาณ 18.50 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้ฝ่าแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณสะพานผ่านพิภพลีลา และมีการปะทะกับเจ้าหน้าที่ โดยหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ถอยกำลังและกลุ่มผู้ชุมนุมก็เดินทางมาถึงบริเวณหน้าศาลฎีกา
ส่วนบริเวณหน้าศาลหลักเมือง มีแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระราชวัง และมีการประกาศจากสน.พระราชวัง เรื่องให้ยุติการจัดกิจกรรมชุมนุม เพราะการจัดกิจกรรมดังกล่าว เพราะขัดต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และพ.ร.บ.โรคติดต่อ จึงขอประกาศให้ยุติการชุมนุม ไม่เช่นนั้นจะดำเนินคดีตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด
ต่อมาครูใหญ่ ขอนแก่น ได้เป็นตัวแทนเข้าไปเจรจา กับพ.ต.อ.อัศวยุทธ นุชพุ่ม รองผบก.น.6 ว่า ขอส่งตัวแทนเข้าไปเพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 4 คน พร้อมทั้งระบุว่า หากภายใน 7 วัน ภาครัฐไม่มีการปล่อยตัวแกนนำ ได้แก่ นายพริษฐ์ นายอานนท์ นายปติวัฒน์ และนายสมยศ จะมีการจัดการชุมนุมและยกระดับการชุมนุม ในวันที่ 20 ก.พ.64 แต่ยังไม่ระบุว่าจะจัดขึ้นที่ใด
ขณะที่ระหว่างการเจรจา กลุ่มมวลชนก็พยายามฝ่าแนวกั้นและขว้างปาขวดน้ำและสิ่งของบริเวณอาการของเจ้าหน้าที่ทำให้ตำรวจพยายามจะเตรียมสลายการชุมนุม โดยเตรียมรถฉีดน้ำแรงดันสูง จำนวน 2 คัน หากมวลชนยังไม่สงบ แต่มวลชนก็ยังขว้างปาสิ่งของเสียงดังคล้ายประทัดเข้าใส่เจ้าหน้าที่ด้วย
เวลา 20.16 น. ภายหลังจากเกิดเสียงดังขึ้น จำนวน 3 ครั้ง มวลชนก็ได้ขว้างปาสี และขวดน้ำใส่เจ้าหน้าที่ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเคลื่อนรถน้ำแรงดันสูงเข้ามาในระยะประชิด ยิ่งทำให้มวลชนเกิดความไม่พอใจมากขึ้น ขณะที่แกนนำประกาศให้มวลชนอยู่ด้านหลังของแนวการ์ด เพื่อความปลอดภัย โดยมีการนำสังกะสีสแตนเลสพ่นสีมาทำเป็นโล่ป้องกัน
ทั้งนี้ไมค์ ภาณุพงศ์ จาดนอก ได้ขึ้นรถปราศรัย ประกาศให้มวลชนยืนขึ้น ให้รื้อโครงเหล็กเเละต้นไม้ที่อยู่ โดยระบุว่าเเต่เดิมพื้นที่ของอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย คนเข้าถึงได้ ใช้เป็นสถานที่เเสดงออกทางการเมืองได้ เเต่ปัจจุบันมีการนำรั้วมากั้น นำต้นไม้มาวาง เปรียบเหมือนเป็นการขวางกั้นสิทธิเสรีภาพของประชาชน เเละไม่สนใจประชาธิปไตย ดังนั้นสิ่งใดที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ให้เอาออกให้หมด
เวลา 20.26 น. ครูใหญ่ขอนแก่น ได้ขึ้นรถปราศรัย ประกาศยุติการชุมนุม และขอให้มวลชนเดินทางกลับบ้านทันที แต่มวลชนกลับโห่ร้อง พร้อมตะโกนว่า "ยังไม่กลับ ๆ" ขณะเดียวกันก็มีเสียงดังขึ้นมาอีก 1 นัด และมีการขว้างปาพลุใส่แนวเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะประกาศว่า "เจ้าหน้าที่จะไม่ใช้ความรุนแรงกับมวลชน ขอให้แยกย้ายกลับบ้าน"
เวลา 20.35 น. รถพยาบาลเข้ามารับผู้บาดเจ็บ เบื้องต้นมีผู้บาดเจ็บ 2 ราย ผู้บาดเจ็บทั้ง 2 ราย มีเเผลถลอกที่เเขนและขา คล้ายถูกสะเกิดบางอย่าง เเต่ไม่เป็นอะไรมาก เจ้าหน้าที่หน่วยพยาบาลได้ล้างเเผลเเล้วนำตัวส่งโรงพยาบาลเเล้ว
เวลา 20.55 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจประกาศให้เวลาอีก 30 นาที หากกลุ่มผู้ชุมนุมที่เหลือ ที่มีการขว้างปาสิ่งของ ยังไม่เดินทางกลับ จะมีการใช้มาตรการควบคุมสถานการณ์ต่อไป ถัดมาเวลา 21.05 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการรวบตัวหนึ่งในผู้ชุมนุมผู้หญิง 1 คน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่าหญิงดังกล่าว สร้างความเดือดร้อน ก่อนนำตัวไปควบคุบสติอารมณ์
กระทั่งเวลา 21.11 น. บริเวณหน้าศาลฎีกา หลังจากมีเสียงดังขึ้นนับสิบครั้ง เจ้าหน้าที่ได้ประกาศให้สื่อมวลชนไปอยู่หลังแนวเจ้าหน้าที่ ก่อนจะใช้มาตรการควบคุมตัวผู้ชุมนุม ประมาณ 5-6 ราย ที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ เพื่อความปลอดภัยของทั้ง 2 ฝ่าย
Advertisement