จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์ประกาศขอพลังโซเชียลมีเดีย ช่วยตามหาเด็กหายซึ่งเป็นหลานชายวัย 4 ขวบ ถูกแม่แท้ ๆ พาตัวไปเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 64 เวลาประมาณ 09.00 น. โดยระบุว่ามีผู้พบเห็นเด็กชายดังกล่าวครั้งล่าสุด ที่บริเวณปากทางแยกทางนิคมลานสัก อำเภอลานสัก เวลาประมาณ 14.00 น. พบแม่เด็กพร้อมเด็กขับขี่จักรยานยนต์ผ่านหน้าร้านขายไก่ย่างไปนั้น
ขณะที่กล้องวงจรปิดปั๊มน้ำมัน จับภาพนางวาสนาใส่เสื้อสีแดง กางเกงลายสีเหลือง สะพายกระเป๋าผ้าลายดอก ส่วนน้องจุก ลูกชายใส่เสื้อเชิ้ตขนาดใหญ่ สีม่วงอ่อนคลุมทั้งตัว โดยนางวาสนาขับรถจักรยานยนต์เข้ามาภายในปั๊ม น้องจุกนั่งซ้อนท้าย เวลา 06.29 น. มีการเติมน้ำมันใส่ขวดขนาด 1 ลิตร ก่อนนำน้ำมันใส่กระเป๋าผ้า
จากนั้นนางวาสนาขับรถออกจากปั๊ม แต่รถดับบริเวณหน้าปั๊ม 06.41 น. นางวาสนาเรียกลูกเขยร้านลาบมาช่วยซ่อมรถ แต่ไม่สำเร็จจึงเข็นกลับไปจอดที่ร้าน และเวลา 07.15 น. นางวาสนาขึ้นรถสองแถวสีแดง มุ่งหน้าเมืองอุทัยธานี
ล่าสุด วันที่ 24 ก.ย. 64 ทีมข่าวเดินทางมาที่ร้านลาบยโส พื้นที่บ้านบ่อทับใต้ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี ห่างจากบ้านของนายบุญเลียน ประมาณ 30 กิโลเมตร เป็นจุดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า เมด สีดำ ที่นางวาสนาจอดทิ้งไว้ โดยพบว่ารถจักรยานยนต์ถูกจอดทิ้งไว้บริเวณหลังร้าน สภาพรถโซ่หลุด ไม่สามารถขับต่อได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจประสานผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่นำรถกลับไปคืนให้นายบุญเลียน
นางญาณิศา ขำเนินเพิ่ม เจ้าของร้านลาบ อดีตนายจ้างนางวาสนา เล่าว่า ก่อนหน้านี้ตนเปิดร้านคาราโอเกะ นางวาสนาเคยมาทำงานเป็นแม่บ้านภายในร้าน ช่วงวันที่ 20 ก.ย. ช่วงบ่ายนางวาสนาขับรถจักรยานยนต์มาพร้อมลูกชายวัย 4 ขวบ บอกตนว่ามาขออยู่ด้วยสัก 1-2 วัน ตนก็ให้นอนด้วย
ตนสอบถามนางวาสนา เล่าว่าเอาลูกหนีมาจากบ้านพ่อของตัวเอง เพราะแม่เลี้ยงและคนในบ้านรุมตีลูกตัวเอง ตนก็ไม่ได้เชื่อทั้งหมด เพราะรู้ว่านางวาสนามีอาการทางประสาท แต่ก็บอกว่าให้พาลูกไปคืนตา เพราะตาเลี้ยงมาตั้งแต่เล็ก คงเป็นห่วงหลาน
จนวันที่ 22 ก.ย. ช่วงเช้านางวาสนาบอกว่าจะพาลูกไปคืน และออกไปเติมน้ำมันรถ ก่อนเข็นรถกลับมาบ้านเพราะโซ่หลุด นางวาสนาบอกว่าฝากรถเอาไว้ก่อน จะให้พ่อมาเอากลับ ส่วนตัวเองจะพาลูกกลับบ้าน ตนก็เชื่อ ยังบอกว่าให้รีบมาเอารถกลับไป
กระทั่งเพิ่งมาทราบเรื่องวันนี้ว่านางวาสนาไม่ได้พาลูกกลับบ้าน ตนก็ไม่รู้ว่านางวาสนาเอาลูกไปที่ไหน แต่ส่วนตัวเชื่อว่าคงไม่ได้เอาไปขาย เพราะดูท่าทางเจ้าตัวรักลูกมาก ซื้อขนมให้ลูกตลอด แต่อาจจะหวงลูกอยากเลี้ยงเอง เพราะเสียใจที่เคยยกลูกให้คนอื่นถึง 3 คน โดยก่อนหน้านี้ ตนเคยถามว่าเอาลูกคนก่อน ๆ ไปยกให้ใคร เจ้าตัวบอกว่ายกให้คนรวย
ทีมข่าวเดินทางไปปั๊มน้ำมัน ติดกับร้านลาบของอดีตนายจ้างนางวาสนา สอบถามนางสาวอุทัยวรรณ ดิดหร่าย อายุ 27 ปี พนักงานปั๊มน้ำมัน เล่าว่า เมื่อวันที่ 22 ก.ย. ช่วงเช้านางวาสนาขับรถจักรยานยนต์ มีลูกชายซ้อนท้ายมาเติมน้ำมันใส่ขวด 1 ลิตร
ซึ่งตนก็แปลกใจ เพราะนางวาสนามีกระเป๋าใส่ผ้าใบใหญ่ ลักษณะเหมือนหนีออกจากบ้าน ประกอบกับเจ้าตัวเคยมาเติมน้ำมันเต็มถังไปก่อนหน้านี้ 1-2 วัน แล้วยังมาเติมน้ำมันใส่ขวดเหมือนกักตุนเอาไว้
เมื่อเติมน้ำมันเสร็จ นางวาสนาก็เอาน้ำมันใส่กระเป๋าผ้า แล้วขับรถออกไป แต่รถเสียบริเวณหน้าปั๊ม นางวาสนาจึงไปตามลูกเขยร้านลาบมาช่วยซ่อม แต่รถซ่อมไม่ได้จึงเข็นกลับไปจอดที่ร้านลาบ จากนั้นนางวาสนาเดินมาหน้าปั๊มน้ำมันพร้อมลูกชาย ขึ้นรถสองแถวสายบ้านไร่-เมืองอุทัย ซึ่งรถดังกล่าวเป็นรถที่ขับเข้าเมือง ไม่ใช่ทางกลับบ้านของนางวาสนา
นายบุญเลียน แสงหาชัย อายุ 71 ปี ตาของเด็กผู้สูญหาย บอกว่าหลานชายของตนชื่อว่าน้องจุก อายุ 4 ขวบเศษ หายออกไปจากบ้านพร้อมนางวาสนา แสงหาชัย ผู้เป็นแม่ ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย. ที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ยังไม่สามารถติดต่อได้ วันเกิดเหตุนางวาสนา ลูกสาวของตนซึ่งมีอาการทางประสาท มาขอยืมรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า สีเปลือกมังคุด อ้างว่าจะนำเสื้อผ้าไปปะเย็บ เนื่องจากจะใส่ไปทำงาน ตนจึงให้ยืมออกไป จากนั้นนางวาสนาเรียกน้องจุก ลูกชาย บอกให้ไปด้วยกัน น้องจุกก็วิ่งไปขึ้นรถ ตนยังเรียกหลานกลับมาเพราะยังไม่ได้กินข้าว แต่นางวาสนาจับขาลูกเอาไว้ ตนก็คิดว่าไม่น่าจะมีอะไร จึงปล่อยไป
จนช่วงเย็นนางวาสนายังไม่พาน้องจุกกลับมา ตนจึงเอะใจ ออกไปตามหา โดยเข้าไปสอบถามร้านค้าต่าง ๆ ในตอนนั้นยังไม่มีใครยอมบอกข้อมูล จนเช้าวันที่ 20 ก.ย. ก็มีชาวบ้านบอกว่าเห็นนางวาสนากับลูกชายขับรถผ่านไปทางแยกนิคม อ.ลานสัก ห่างจากบ้านประมาณ 7-8 กิโลเมตร โดยตอนนี้ยังไม่สามารถติดต่อนางวาสนาและน้องจุกได้ ส่วนตัวกังวลว่าลูกสาวซึ่งมีอาการทางประสาทจะนำน้องจุกไปขายหรือยกให้คนอื่น
โดยตนนำน้องจุกมาเลี้ยงตั้งแต่อายุ 1 ปี 2 เดือน ส่วนนางวาสนาก็นาน ๆ มาเยี่ยมลูกครั้ง เพราะไม่มีงานทำ อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง
ก่อนเกิดเหตุประมาณ 5-6 เดือน ลูกสาวเคยมาขอน้องจุกกลับไปเลี้ยงเอง ตนบอกไม่ให้ เพราะนางวาสนาไม่มีงานประจำ คิดว่าไม่สามารถเลี้ยงลูกได้ กระทั่ง 1 เดือนที่ผ่านมานางวาสนากลับมาอยู่บ้าน เพราะช่วงโควิด-19 ไม่มีงานทำและไม่มีที่อยู่ ตนก็สังเกตว่าเจ้าตัวดูรักลูก แต่อาจจะชอบหงุดหงิดใส่ลูกไปบ้าง ก่อนจะเอาลูกหายออกไปจากบ้าน
ทั้งนี้ นางวาสนาเคยมีลูกสาว และเลี้ยงมาจนอายุประมาณ 4 ขวบ จากนั้นตนก็ไปรับมาเลี้ยงได้ 6 เดือน นางวาสนามารับลูกกลับไป ก่อนจะเอาลูกไปยกให้คนอื่น ตอนพยายามสอบถามเพื่อจะไปขอคืน นางวาสนาบอกว่าอย่าไปยุ่ง เพราะลูกไปได้ดีแล้ว คนที่เอาลูกของตัวเองไปก็มีเงินมีทอง ตนจึงไม่ได้ตามต่อ เพราะไม่รู้ว่าเด็กอยู่ที่ไหน โดยเหตุการณ์ดังกล่าวผ่านไปประมาณ 13 ปีแล้ว ตอนนี้หลานสาวน่าจะอายุ 17 ปี ซึ่งตนรู้ว่านางวาสนามีลูก 2 คน แต่มีกระแสข่าวว่านางวาสนามีลูกทั้งหมด 4 คน ไม่รู้ว่าที่เหลือไปอยู่ที่ไหน
นายบุญเลียน กล่าวต่อว่า ตอนนี้เป็นห่วงหลาน อยากให้กลับมา หลานชายติดตนมาก ปกติจะนอนด้วยกันตลอด ตนเคยถามว่าอยากไปอยู่กับแม่ไหม หลานยังบอกว่าไม่ไป จะอยู่กับตา ยืนยันว่าตนไม่ได้ขาดแคลน ต่อให้มีคนมาให้เงิน 1 ล้านบาท แลกกับหลานชายก็ไม่เอา