เจ้าของตลาดถูกด่าจนทรุด แจงเปิดข้างบ้านป้าทุบรถเขตอนุญาต - "อนันต์ชัย" ชี้ศาลสั่งปิด (คลิป)

22 ต.ค. 61
จากกรณีคลิปดัง ป้าทุบรถกระบะ หลังมีคนนำมาจอดขวางหน้าบ้าน ใกล้กับตลาดในหมู่บ้าน จนเจ้าของบ้าน ออกจากบ้านไม่ได้ แล้วนำขวานไปฟันที่รถจนเสียหาย โดยมีคลิปเผยแพร่ไปกว้างขวางนั้น นำไปสู่เรื่องการฟ้องร้องเรื่องพื้นที่การตั้งตลาดที่ยังไม่ผ่านเกณฑ์ตามกฎหมายที่กำหนด จนกระทั่งมีการรื้อถอนและปรับปรุงแก้ไขแล้วนั้น
ตลาดเปิ้ล ซ.ศรีนครินทร์ 55
ป้ายที่ตลาดเปิ้ล ซ.ศรีนครินทร์ 55
วันที่ 21 ต.ค. 61 ทีมข่าวเดินทางมาที่ตลาดเปิ้ล ซ.ศรีนครินทร์ 55 ข้างบ้านป้าทุบรถ ล่าสุดมีการขึ้นป้ายไวนิลขนาดใหญ่ 4 แผ่นป้าย พร้อมรูปภาพ น.ส.ปิยธิดา ลิมป์ธรรมเลิศ หรือ เปิ้ล เจ้าของตลาด ในแผ่นป้ายระบุว่า มีอาการป่วยด้วยโรคมะเร็งลามเข้ากระดูก จึงอยากพูดในสิ่งที่ไม่เคยพูด หลังจากมีข่าวป้าทุบรถ ทำให้ตลาดต้องปิดตัวชั่วคราว
นายยศนนท์ ลิ้มป์ธรรมเลิศ หลานเจ้าของตลาด
นายยศนนท์ ลิ้มป์ธรรมเลิศ หลานเจ้าของตลาด และเป็นผู้บริหารตลาดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เปิดเผยว่า ส่วนตัวที่ออกสื่อครั้งนี้ เนื่องจากต้องการเปิดเผยข้อมูลที่อาตนต้องเจอสังคมโจมตี หลังจากมีเรื่องป้าทุบรถขึ้นมา โดยที่ผ่านมา อาตนมีอาการเครียด จนอาการป่วยมะเร็งและเริ่มทรุดหนัก จนกระทั่งตอนนี้มะเร็งลามเข้าที่กระดูก ซึ่งอาตนถูกสังคมต่อว่าอย่างหนัก หลายคนถึงขั้นบอกว่าเมื่อไรจะตาย ซึ่งอาตนติดตามข่าวอยู่ตลอด ทำให้รู้เห็นทุกความเห็น ซึ่งตนก็ไม่รู้อาจะอยู่ได้อีกนานหรือไม่ แต่สิ่งที่อาอยากจะบอกคือ ที่ผ่านมา บ้านป้าทุบรถไม่ได้พูดความจริงทุกอย่าง บางเรื่องมีการใส่ร้ายตลาด เช่น เรื่องที่ระบุว่า คนตลาดโยนงูเข้าไปในบ้าน ตนอยากถามว่า "งูมันคืองู ใครจะไปกล้าจับ และโยนเข้าไป" ซึ่งไม่ใช่ความจริง ทั้งนี้ เรื่องที่กล่าวหาว่าตลาดไปพ่วงไฟ ตนก็ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง อีกกรณีที่ป้าเคยบอกว่า นำปุ๋ยมาเทหน้าบ้านเพื่อกันรถจอดขวางหน้าบ้าน ตนยืนยันว่า มันคืออุจจาระ ไม่ใช่ปุ๋ย
น.ส.ปิยธิดา ลิมป์ธรรมเลิศ เจ้าของตลาด
ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้น ตนก็ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนที่ขับรถมาจอดหน้าบ้านป้า จนทำให้เป็นเรื่องถึงทุกวันนี้ มาจากไหน ตามข่าวเห็นว่ามาจากมหาชัย เพื่อมาซื้อปลา 1 ตัว ซึ่งเวลานั้นมีที่จอดรถหลายที่ แต่หญิงรายนี้กลับเลือกจอดที่หน้าบ้านป้า ซึ่งตนก็สงสัยเหมือนกัน แต่ไม่เคยได้คุยกับหญิงรายดังกล่าว ที่ผ่านมา ตนและฝ่ายตลาดไม่เคยออกมาให้สัมภาษณ์ เนื่องจากเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตพยายามขอไว้ ตลาดก็กลัวเรื่องไม่จบ แต่ไม่คิดว่าการทุบรถของป้า จะทำให้ตลาดต้องปิดตัวลง
เอกสารจากสำนักงานเขต เรื่องอนุญาตให้ก่อสร้างอาคาร
นายยศนนท์ นำเอกสารที่ได้รับจากสำนักงานเขตให้ทีมข่าวดู ฉบับแรก เป็นหนังสืออนุญาตให้ก่อสร้างอาคาร เพื่อประกอบการพาณิชย์ ลงวันที่ 18 ธ.ค. 60 ซึ่งหากตลาดผิด หรือที่ดินสร้างอาคารเพื่อพาณิชย์ไม่ได้ เหตุใดสำนักงานเขตจึงออกเอกสารฉบับนี้ให้ได้ โดยวันที่ 21 ก.พ. 61 สำนักงานเขตได้เข้ามาตรวจสอบ พบตลาดสร้างผิด ให้ปรับปรุงแก้ไข ซึ่งตลาดก็ทำตาม และส่งเรื่องให้สำนักเขตมาตรวจรับงาน ทุกอย่างทำตามขั้นตอน ซึ่งสำนักอนามัยกลาง และสำนักงานเขตประเวศ เคยเข้ามาตรวจสอบแล้ว และยังบอกว่าทุกอย่างถูกต้อง แต่ไม่มีเอกสารออกให้ บอกให้คนตลาดรอ ตนก็รอมาหลายเดือนแล้ว ตนพยายามติดต่อสำนักงานเขตหลายตรั้ง แต่ก็ไม่มีการเข้ามาตรวจรับ และออกหนังสือให้ ทั้งนี้ ยืนยันว่า ศาลไม่ได้บอกว่าที่ดินนี้สร้างอาคารเพื่อทำการพาณิชย์ไม่ได้ ซึ่งหากดูในหมู่บ้านเสรีวิลล่า จะพบว่ามีทั้งร้านค้า อาคาร โรงเรียน ร้านเหล้า ซึ่งก็เปิดเป็นพาณิชย์ โดยตนอยากบอกว่า หลังจากตลาดปิด นอกจากพวกตนจะเดือดร้อน พ่อค้าแม่ค้าก็มีครอบครัว อยู่กับตลาดหลายปี ซึ่งเขาก็ขาดอาชีพ ขาดรายได้ ตลาดตนมีแม่ค้า 150 ครอบครัว ซึ่งทุกคนต่างเดือดร้อน จากนี้ตนรอคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดว่าจะมีผลอย่างไร ยืนยันว่าตนทำอาชีพสุจริต แต่หากอนาคตต้องปิดตลาดถาวร ตนพร้อมฟัง และเคารพคำตัดสินศาล เพียงขอให้ดูข้อมูลที่เป็นความจริงด้วย เพราะหากตลาดผิด แล้วทำไมคนอื่นที่เปิดเป็นพาณิชย์ยังเปิดได้
นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความฝ่ายป้าทุบรถ
ด้าน นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความฝ่ายป้าทุบรถ เปิดเผยวว่า กรณีเจ้าของตลาดขึ้นป้ายไวนิลขอความเห็นใจ ตนเห็นแล้ว โดยวานนี้ (20 ต.ค. 61) ฝ่ายป้าทุบรถ โทรศัพท์มาหาตนแล้ว โดยตนยืนยันว่ากรณีแบบนี้ ไม่สามารถขอความเห็นใจกับป้าได้ เพราะป้าไม่สามารถอนุญาตให้ได้ ต่อให้ชาวบ้านที่ได้รับความเดือนร้อนมาร้องขอความเป็นธรรม ก็ไม่ได้ เพราะกฎหมายไม่ได้ให้ช่องว่างไว้ ทั้งนี้ ที่ดินบริเวณหมู่บ้านเสรีวิลล่า เป็นพื้นที่จัดสรรที่ดินเปล่าเพื่อที่อยู่อาศัย ดังนั้น จะไม่สามารถทำการพาณิชย์ได้ ไม่ใช่เพียงตลาด แต่ไม่สามารถทำร้านสะดวกซื้อ อะพาร์ตเมนต์ จนกระทั่งร้านกาแฟ ก็ทำไม่ได้ หากต้องการเปลี่ยนแปลงที่ดินจัดสรร ให้สามารถประกอบการอย่างอื่นได้ ต้องให้เจ้าของที่ดินมาเปลี่ยนแปลง ซึ่งตอนนี้ไม่รู้เป็นใคร จึงไม่มีใครไปเปลี่ยนแปลง ถึงแม้ที่ดินจุดนี้จะเปลี่ยนแปลงไปมากแล้วก็ตาม
นางบุญศรี และนางรัตนฉัตร แสงหยกตระการ (แฟ้มภาพ)
อย่างไรก็ตาม ส่วนที่ชาวบ้านรายอื่น นำที่ดินไปทำอย่างอื่นที่เป็นการพาณิชย์ ถือว่าผิดทั้งหมด สำนักงานเขตประเวศต้องจัดการ ซึ่งศาลปกครองกลางมีคำพิพากษา ระบุว่า สำนักงานเขตกระทำผิด ถึงแม้สำนักงานเขต จะเคยออกเอกสารให้สร้างอาคารเพื่อพาณิชย์ให้กับตลาด แต่ก็มีความผิดอยู่ดี เนื่องจากเขตกระทำผิดในการออกคำสั่งขัดต่อกฎหมาย

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ