กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก โพสต์ภาพและข้อความอ้างว่า เป็นหนังสือจากสำนักงานเขตราชเทวี เรื่องการแจ้งขอให้ย้ายสถานที่จัดกิจกรรมเต้นแอโรบิค หลังสำนักงานเขตราชเทวี ที่ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน ขอให้แก้ไขปัญหาเสียงดังรบกวนจากการเปิดเครื่องขยายเสียงในการเต้นแอโรบิค ภายในสวนสันติภาพ จึงขอย้ายสถานที่จัดกิจกรรมเต้นแอโรบิค ไปที่ลานกีฬาสวนริมบึงมักกะสัน ภายในสวนสาธารณะสวนราชเทวีภิรมย์ ใต้ทางด่วนดินแดง ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 61 เป็นต้นไปนั้น
วันที่ 22 ต.ค. 61
นายธีรยุทธ ภูมิศักดิ์ ผู้อำนวยการเขตราชเทวี เปิดเผยว่า เอกสารนำออกไปเพื่อจะชี้แจง ให้ครูแอโรบิคที่สำนักงานเขตเป็นผู้จัดจ้าง ทราบว่าจะเปลี่ยนแปลงสถานที่ในการจัดกิจกรรมไปที่สวนราชเทวีภิรมย์ สวนรมย์ราชเทวี และลานกีฬาพัฒน์ 2 ซึ่งเป็นไปตามแผนที่ได้วางเอาไว้ตั้งแต่แรก และไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องที่มีผู้มาร้องเรียน
โดยสวนสันติภาพเป็นของพื้นที่ของสำนักสิ่งแวดล้อม ซึ่งสำนักงานเขตราชเทวี ได้ขอใช้พื้นที่ชั่วคราว เพื่อทำจัดกิจกรรมศูนย์สร้างสุขทุกวัย แต่เมื่อสำนักงานเขตราชเทวีมีพื้นที่สวนของตัวเองจึงย้ายไปตามแผน ตนจึงอยากแจ้งว่าเรื่องที่มีคนในหอพัก มาร้องเรียนว่ากิจกรรมเต้นแอโรบิคเสียงดังนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการย้ายสถานที่แต่อย่างใด เนื่องจาก เมื่อมีคนมาร้องเรียน ตนได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ และให้เบาเสียงลงเท่านั้น
ทั้งนี้
นายธีรยุทธ กล่าวว่า ตนได้มีการต่อเอกสารสัญญาจ้างครูแอโรบิคที่เป็นลูกจ้างชั่วคราวแบบปีต่อปี ซึ่งเป็นการจ้างต่อเนื่อง และหากจะมีการย้ายก็ต้องไปตามสถานที่ที่สำนักงานเขตได้จัดเตรียมไว้ และในอนาคต ต้องขึ้นอยู่กับสวนสันติภาพว่าจะให้มีกิจกรรมต่อไปหรือไม่
หลังจากนั้นในช่วงบ่าย เจ้าหน้าที่นักพัฒนาสังคมชำนาญการ สำนักเขตราชเทวี ก็ได้นำแผ่นกระดาษมาปิดประกาศที่สวนสันติภาพโดยมีข้อความระบุว่า “ด้วย สำนักงานเขตราชเทวี ได้ดำเนินการเปลี่ยนสถานที่จัดกิจกรรมศูนย์สร้างสุขทุกวัยและเต้นแอโรบิค จากสวนสันติภาพเป็นบริเวณสวนราชเทวีภิรมย์ , สวนรมย์ราชเทวี และลานกีฬาพัฒน์ 2 สำนักงานเขตราชเทวีจึงขอเชิญชวนประชาชนที่เข้าร่วมโครงการศูนย์สร้างสุขทุกวัย ที่ใช้บริการในกิจกรรมเต้นแอโรบิคสวนสันติภาพ สามารถใช้บริการเต้นแอโรบิคและกิจกรรมที่กล่าวถึงโดยการใช้สถานที่ดังกล่าวข้างต้นได้ทุกวัน ในเวลา 18.00-19.00 น. ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 61 เป็นต้นไป”
น.ส.ณัฏยา จับศรทิพย์ หรือ ก้อย ครูสอนเต้นแอโรบิค เผยว่า มีผู้ชายคนหนึ่งซึ่งอ้างว่าตัวเองเป็นหมอ ร้องเรียนกับสำนักงานเขต แต่ที่จริงสำนักงานเขตได้รับเรื่องร้องเรียนมาจำนวน 3 ครั้งแล้ว แต่ไม่ทราบว่าเป็นหมอรายนี้ทุกครั้งหรือไม่ หลังจากนั้น กทม. จึงให้ตนแก้ไขเรื่องเสียงเพลง ที่เปิดตอนเต้นออกกำลังกาย ตนจึงลดเสียงเพลงลง โดยให้ผู้ที่ดูแลเครื่องเสียงขีดเส้นบ่งบอกความดังไว้ และช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ตนทราบจากสมาชิกที่เต้นแอโรบิค ซึ่งแจ้งตนมาว่า หมอรายนี้กับเจ้าหน้าที่มาที่ลานเต้นแอโรบิค โดยครูที่สอนเต้นได้ชักชวนหมอมาเต้นแอโรบิคด้วยกัน แต่หมอตะโกนมาว่า “ไม่คุย ไม่ฟัง ไม่เคลียร์ พวกมึงไปเต้นที่อื่น” พร้อมกับอ้างว่า ตัวเองทำรายได้เดือนหนึ่งได้จำนวนมาก และสามารถซื้อสวนแห่งนี้ เพื่อไล่พวกตนไปเต้นในป่าได้ เมื่อได้ยินเช่นนั้น สมาชิกก็ได้โห่ไล่ พร้อมกับนำขวดน้ำพลาสติกเขวี้ยงใส่ หลังจากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ พวกตนจึงได้นัดครูที่สอนเต้นมาประชุมพูดคุย จึงแก้ไขด้วยการหันเครื่องเสียงไปทางต้นไม้ เพื่อไม่ให้เสียงไปทางหอพักดังกล่าว
ช่วงนั้นผู้ที่นำเต้นก็จะหมดสัญญาจ้างช่วงเดือนกันยายน 2561 ซึ่งได้หนังสือจัดจ้างให้มาเป็นครูวิทยากรสอนเต้นแอโรบิคต่อ โดยในเนื้อหาระบุว่า ให้ทุกวันระหว่างเวลา 18.00-19.00 น. ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 - เดือนกันยายน 2562 ใช้ลานกีฬาสวนสันติภาพในการเต้นแอโรบิคได้ ซึ่งคำสั่งนี้เขียนเมื่อวันที่ 22 ส.ค.61 แต่เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 61 มีหนังสือภายในออกมาว่าให้ย้ายไปเต้นที่ลานกีฬาสวนริมบึงมักกะสัน ภายในสวนสาธารณะ สวนราชเทวีภิรมย์ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. เป็นต้นไป หลังจากนั้น ตนจึงแจ้งสมาชิกที่เต้นแอโรบิคให้ทราบถึงประเด็นนี้
น.ส.ณัฏยา เล่าว่า ตนยอมรับว่าไม่อยากมีปัญหากับเขต แต่เมื่อเช้าพอทราบว่าผู้อำนวยการเขตราชเทวีที่ไม่ได้ชี้แจงเรื่องการย้ายตั้งแต่แรก เนื่องจากไม่คิดว่าจะมีปัญหา และพวกตนก็อยากรู้ว่าหากรู้ว่าจะต้องมีการย้ายแล้วทำไมในหนังสือจัดจ้างยังเป็นชื่อของสวนสันติภาพอยู่ และทำไมพวกตนไม่ทราบว่าจะมีการย้ายไปสวนแห่งใหม่ เพราะประเด็นกลับถูกเบี่ยงไปเรื่องย้ายสวนใหม่ ไม่ใช่เรื่องร้องเรียนแทน
ทั้งนี้
น.ส.ณัฏยา เผยว่า หากมีการปิดป้ายประกาศว่าให้ย้ายไปที่ใด ตนก็จะย้ายไปตามสถานที่นั้น และจะต้องคืนอุปกรณ์เครื่องเสียงให้กับสมาชิกต่อไป แต่ตนไม่ทราบว่าสมาชิกที่เต้นแอโรบิคจะกระทำอย่างไรต่อไป และถ้าหากสมาชิกมาให้พวกตนเต้นก็สามารถกระทำได้ เพราะพวกตนก็เป็นจิตอาสา อย่างไรก็ตาม อยากฝากไปถึงทุกเขต ควรมีการพูดคุยกับผู้ที่จะมาจัดสร้างอาคารว่าสวนในพื้นที่ใกล้เคียงจะทำกระทำอะไรบ้าง รวมไปถึงประชาชนก็ควรจะทราบเรื่องเหล่านี้เช่นกัน
ขณะที่
นายเฉลิมพล จามรจุรีกุล หรือ เล็ก คนคุมเครื่องเสียง เผยว่า เครื่องเสียงที่ได้นำมาไว้ที่สวนสันติภาพ ตนได้ร่วมกับสมาชิกเพื่อจัดซื้อมา เนื่องจากเขตไม่ได้มีงบประมาณมาให้ และหลังจากที่มีเรื่องร้องเรียนก็ได้ลดเสียง และปรับลำโพงให้ห่างออกจากตัวอาคาร ตนจึงอยากบอกคนร้องเรียนว่า ตนไม่ได้นิ่งนอนใจ และคิดว่าเรื่องเช่นนี้ น่าจะอนุโลมกันได้ เพราะเวลาที่ออกกำลังกายคือช่วง 18.00-19.00 น. เท่านั้น ซึ่งเวลาประมาณนี้ เป็นเวลาที่คนทั่วไปเพิ่งเลิกงาน และมาออกกำลังกายกัน
ทั้งนี้ หมอ ผู้ร้องเรียน ออกเอกการชี้แจงว่า ตนได้พักอาศัยอยู่ในหอพักใกล้เคียงกับสวนสันติภาพ ตั้งแต่เดือนกรกฏาคม ซึ่งช่วงเวลาระหว่าง 18.00 น. - 19.00 น. ผู้จัดกิจกรรมเต้นแอโรบิคได้นำลำโพงขยายเสียงขนาดใหญ่ จำนวน 4 ตัว มาเปิดเพลงประกอบการเต้นแอโรบิค ที่บริเวณสวนสันติภาพ โดยใช้เวลาประมาณ 45 - 60 นาที ตนเองอยู่ในห้องพักได้ยินเสียงว่ามีความดังมาก ทั้งที่ปิดประตูหน้าต่างทุกบานแล้วเพื่อป้องกันเสียง จึงได้สอบถามไปยังเขตราชเทวี ได้รับคำตอบจากเจ้าหน้าที่ว่ามีผู้ร้องเรียนเรื่องการใช้เสียงดังประกอบกิจกรรมเต้นแอโรบิคในสวนสันติภาพเป็นจำนวนมาก และที่ผ่านมาสำนักงานเขตราชเทวีได้แก้ไขปัญหา โดยปิดป้ายประกาศเตือนให้ลดเสียง หากแต่ไม่ได้รับความร่วมมือจากผู้จัดกิจกรรมแต่อย่างใด
หลังจากนั้น ฝ่ายสิ่งแวดล้อมฯ สำนักงานเขตราชเทวี ซึ่งมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการพัฒนาควบคุมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ได้ตรวจวัดระดับเสียงที่บริเวณที่พักอาศัยแล้ว พบว่าความดังเสียงเกินมาตรฐาน เจ้าหน้าที่จึงได้ตักเตือนให้ผู้ประกอบกิจกรรมลดระดับเสียงลง และปรับทิศทางของลำโพงขยายเสียง ได้เพียง 1 สัปดาห์ ก่อนที่จะหันลำโพงมาทางเดิม และได้มีสำนักงานเขตราชเทวีให้ส่งเจ้าหน้าที่มาวัดระดับเสียงอีกครั้งปรากฏว่าก็ดังเกินมาตรฐาน
นอกจากนี้ ตนสนับสนุนการออกกำลังกายในที่สาธารณะ เช่น การจัดกิจกรรมเต้นแอโรบิค หรือกิจกรรมใด ๆ ก็ตาม ที่ส่งเสริมให้ร่างกายแข็งแรง แต่ต้องไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนของผู้อื่นเกินความจำเป็น ทั้งนี้ ตนขอยืนยันว่า ไม่เคยกล่าว หรือเขียน ข้อความดังต่อไปนี้ "ให้ไปเต้นแอโรบิคในป่า", "เงินของผมสามารถซื้อสวนสาธารณะ" และ "เงินของผมได้ซื้อ ผอ.สำนักงานเขต" ตามที่มีผู้กล่าวอ้าง ซึ่งตนไม่ประสงค์เปิดเผยชื่อต่อสาธารณชน เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย
จากนั้น ทีมข่าวลงพื้นที่สวนราชเทวีภิรมย์ ใต้ทางด่วนดินแดง ใกล้บึงมักกะสัน ซอยหมอเหล็ง แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี พบว่าถนนทางเข้าภายในซอย จะแบ่งฝั่งรถไป-กลับอย่างละเลน โดยมีเกาะกลางเป็นตัวแบ่ง เมื่อมาถึงภายในสวน ก็พบว่าเป็นสวนที่อยู่ริมบึง เป็นลานที่มีคนวิ่งออกกำลังกาย รวมถึงมีสถานที่ให้เตะฟุตบอล มีเสาไฟ และสปอร์ตไลต์ภายในสวนด้วย
นายขวัญเมือง ไทรเมือง ชาวบ้าน อายุ 64 ปี เผยว่า ตนพักอาศัยอยู่ใกล้สวนสาธารณะแห่งนี้และเคยมาใช้บริการ พบว่าช่วงเวลา 18.00 น. ไฟในสวนสาธารณะก็พอจะส่องสว่างได้ แต่ต้นไม้เริ่มสูงใหญ่จึงอาจบดบังแสงบ้าง แต่ด้านนอกซอย ถึงแม้จะมีเสาไฟ แต่ไฟไม่ติด จึงทำให้ซอยเปลี่ยวและมืด แม้กระทั่งลูกสาวตนก็ไม่กล้าออกจากบ้านในช่วงกลางคืน เพราะน่ากลัว ตนห่วงอันตราย ถึงแม้จะไม่เคยมีเรื่องปล้นชิงทรัพย์มาก่อน ทั้งนี้ ตนมองว่า หากมีกลุ่มเต้นแอโรบิคมาเต้นที่นี่ก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะว่าลูกหลานตนจะได้มาออกกำลังกาย ส่วนตัวคิดว่าเพลงที่เปิดคงไม่ดังมากนัก