จากกรณีผัวโหดทำร้ายเมียดับคาบ้าน แม่เห็นศพลูกแทบขาดใจ เผยเคยถูกทำร้ายบ่อย พาหนีไปแล้วรอบหนึ่ง ล่าสุด ทางครอบครัวน้องฟาง ได้เดินทางนำศพ น.ส.กัณฐิมา วงค์รักมหาดไทย หรือ ฟาง อายุ 22 ปี สภาพศพมีรอยฟกช้ำเขียวตามลำตัว ทั้งศีรษะ แขน และขา หลังถูกนายพิบูล สงคราม สามี ซ้อมทำร้ายจนตาย ส่งไปชันสูตรศพที่ รพ.สถาบันนิติเวช เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียดอีกครั้ง แล้วญาติจะนำศพมาบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด
ส่วนด้านคดีให้เป็นตามขั้นตอนของกระบวนการทางกฎหมาย ด้านครอบครัวน้องฟางตั้งสวดศพบำเพ็ญกุศล ที่บ้านของแม่น้องฟาง ต.เขาดิน อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี
วันที่ 27 ก.ย. 64 ทีมข่าวเดินทางมาที่ หมู่ 2ต.วังลึก อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี บ้านพักที่เกิดเหตุ 2 ชั้น จุดที่เกิดเหตุอยู่บริเวณห้องนอน ตั้งอยู่ที่ชั้น 1 ของบ้าน มีลักษณะเป็นห้องกระจกทึบ
ทีมข่าวเดินทางมาที่ หมู่ 8 ต.เขาดิน อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี ที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพของ น.ส.กัณฐิมา วงค์รักมหาดไทย หรือ น้องฟาง อายุ 22 ปี เวลาประมาณ 15.30 น. มีพิธีรดน้ำศพ
แม่ของผู้ตายมองหน้าลูกสาวและร้ำไห้อยู่ตลอด บริเวณแขนและมือทั้ง 2 ข้างของผู้ตายมีรอยฟกช้ำจนม่วงไปทั้งตัว นอกจากนี้ บริเวณมือข้างขวายังมีรอยสักชื่อนายพิบูล เป็นภาษาอังกฤษ และแขนข้างซ้ายมีรอยสักรูปหน้าของนายพิบูล ญาติพี่น้องให้ข้อมูลว่าเพิ่งสักได้ไม่ถึงเดือน
นางกรรยา ชานุช อายุ 45 ปี แม่ของผู้ตาย เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้เวลาประมาณ 13.00 น. น้องสะใภ้โทรมาบอกว่า "รีบไปโรงพยาบาล บูลตีน้องฟางจนสลบ" เมื่อตนไปถึงก็ทราบว่าลูกสาวของตนเสียชีวิตแล้ว สังเกตเห็นมีรอยฟกช้ำตามแขนขา และแผ่นหลังเขียวช้ำไปหมด โดยจากบาดแผล ตนเชื่อว่าน่าจะถูกซ้อมด้วยการเตะตี เพราะถ้าเอาไม้กวาดมาตีคงจะไม่เป็นรอยช้ำหนักแบบนี้ ทั้งนี้ นายพิบูลกับนางสาวฟางมักจะทะเลาะกันอยู่บ่อยครั้ง และก็มีรอยเขียวช้ำประจำ
สำหรับรอยสักที่แขนข้างซ้ายซึ่งเป็นรูปหน้านายพิบูลเพิ่งจะสักได้ไม่นาน เมื่อประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา นางสาวฟางได้หนีไปและนายพิบูลไปตามกลับมาได้ เลยให้สักรูปตัวเองไว้ที่แขน ซึ่งครั้งนั้นนางสาวฟางเล่าว่าทะเลาะกันเพราะว่าผู้ก่อเหตุจะเอาแฟนเก่าของผู้ก่อเหตุมาอยู่ด้วย แต่นางสาวฟางไม่ยอม
โดยนายพิบูลกับนางสาวฟางทะเลาะกันอยู่บ่อยครั้ง นางสาวฟางเคยหนีไป 3 ครั้งแล้ว ครั้งที่ 1 คือเมื่อ 1-2 ปีก่อน และครั้งที่ 2 เมื่อปลายปีที่แล้ว ล่าสุดเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งทุกครั้งนายพิบูลก็จะมาขอขมาตน บอกว่าจะไม่ทำอีกแล้ว และบอกว่า "ช่วยผมตามมันกลับมาให้ที" ทั้งนี้ลูกสาวคิดจะเลิกหลายครั้ง แต่ตนเห็นว่าลูกยังเล็ก และนายพิบูลมาขอโทษ ตนเลยยอมให้อภัย
ทั้งนี้ นายพิบูลเป็นคนที่มีอิทธิพล เพราะนางสาวฟางเคยบอกว่าแม่ไปแจ้งตำรวจสามชุก เขาก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะตำรวจเป็นของเขาทั้งหมด กรณีที่แม่ของผู้ก่อเหตุบอกว่ารักลูกสาวตนเหมือนลูกแท้ ๆ ส่วนตัวไม่เชื่อ เพราะถ้ารักลูกของตนจริง ลูกของตนคงไม่ตาย เนื่องจากที่บ้านของผู้ก่อเหตุมีคนอยู่กันเยอะแยะ จะไม่มีใครได้ยินได้อย่างไร ทั้งนี้ ตนเคยได้ยินว่าลูกสาวกินโกโก้ลดความอ้วน แต่ตนเชื่อว่าไม่มีทางที่จะทำให้หมดเรี่ยวแรงตามที่กล่าวอ้าง อย่างไรก็ตาม ตนไม่ยินยอมให้มาขอขมาศพ และอยากจะให้ติดคุก ทั้งนี้ตนขอคัดค้านการประกันตัว เพราะตนกลัวความปลอดภัย เนื่องจากผู้ก่อเหตุเคยพูดกับลูกสาวว่า "ถ้ามึงไม่อยู่ กูจะฆ่าพ่อแม่มึงให้หมด"
นายมงคล วงค์รักมหาดไทย อายุ 29 ปี พี่ชายของผู้ตาย เปิดเผยว่า เท่าที่ตนทราบนายพิบูลกับนางสาวฟางทะเลาะกันประมาณ 3-4 ครั้ง และนายพิบูลได้โทรมาบอกว่าให้ตนรีบไปรับ หลังจากที่ตนไปรับไม่ทันไร นายพิบูลก็มารับเด็ดกลับไป แต่ตนไม่ค่อยอยากจะไปยุ่ง เพราะเป็นเรื่องของครัวครัว และนางสาวฟางไม่ค่อยเล่าให้ตนฟังด้วย เพราะรู้ว่าตนใจร้อน ส่วนตัวเคยคุยกับนายพิบูลเพราะเคยไปชนไก่ด้วยกัน เท่าที่สังเกตเห็นนายพิบูลก็อัธยาศัยดี ตนไม่เชื่อว่าจะใช้ไม้กวาดตี อยากจะถามนายพิบูลว่ามาทำน้องของตนทำไม น้องของตนไม่ได้ทำอะไรผิด
ทีมข่าวเดินทางมาที่ สภ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี เวลาประมาณ 14.00 น. ชุดสอบสวนได้นำตัวนายพิบูล สงคราม ผู้ก่อเหตุไปสอบปากคำเพิ่มเติม ระหว่างที่ขึ้นไปสอบปากคำ ทีมข่าวพยายามสอบถามว่ามีอะไรอยากจะพูดไหม แต่ผู้ก่อเหตุปิดปากเงียบ เมื่อถามว่า ใช้อะไรตี นายพิบูลตอบแค่ว่า "อย่างที่เห็นแหละครับ" ทีมข่าวถามว่ากระทืบไหม นายพิบูลกล่าวปฏิเสธว่า "ไม่ได้ทำ" และเมื่อถามว่ารักแฟนมากไหม นายพิบูลก็ตอบว่า "ใช่ครับ"
นายบุญธรรม สงคราม พ่อของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า นางสาวฟางกับนายพิบูลรักกันดี เวลาไปไหนก็ซื้อของมาฝากตลอด โดยทั้งคู่ไม่เคยเล่าเรื่องที่ทะเลาะให้ฟัง แต่ถ้าได้ยินเสียงทะเลาะ ตนจะเข้าไปถามว่า "มีอะไรกัน" และกล่าวห้าม พอเห็นนายพิบูลก็ไม่กล้าทำอะไร ตนเคยเห็นนายพิบูลตบนางสาวฟาง ประมาณ 2-3 ครั้ง แต่ไม่ได้รุนแรง และตนพยายามเตือนว่า จะไปทำเขาทำไม เพราะนางสาวฟางตัวเล็กมาก เมื่อก่อนทั้งคู่ตีกันบ่อย แต่หลังมานี้ไม่ตีกันมาประมาณ 1 ปีแล้ว
ทั้ง นี้ตนไม่เคยเห็นว่านานพิบูลมีพฤติกรรมรุนแรงกับคนอื่น และเป็นคนที่อัธยาศัยดี โดยทั้งคู่มักจะทะเลาะกันเรื่องหึงหวง ต่างฝ่ายนต่างหึงหวง และตนไม่เคยได้ยินว่านางสาวฟางอยากจะเลิกกับนายพิบูล อย่างไรก็ตาม ตนก็อยากจะไปร่วมงานศพ แต่ตนไม่ทราบว่าครอบครัวของฝ่ายหญิงจะยินยอมไหม
นางก้านตอง สงคราม อายุ 61 ปี แม่ของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุ นายพิบูลกับนางสาวกัณฐิมาอยู่ในห้องกันแค่ 2 คน และขณะนั้นทุกคนออกไปซื้อต้นไม้กัน จากนั้น เวลาประมาณ 12.00 น. ทุกคนได้กลับมาที่บ้าน แต่ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะทั้งสองคนอยู่ในบ้านกันแค่ 2 คน ส่วนคนอื่น ๆ อยู่หน้าบ้าน ขณะนั้นนายพิบูลได้ออกมาเรียกตนบอกว่า "แม่ ๆ มาดูฟางหน่อย" พอตนเห็นสภาพนางสาวฟางนอนแน่นิ่ง เหมือนคนนอนหลับอยู่ ตนเลยบอกให้นายพิบูลพาขึ้นรถไปหาหมอ ขับรถไปกัน 4 คน นายพิบูลเป็นคนขับ และนางสาวฟางนั่งอยู่ข้างเบาะคนขับ ส่วนตนกับป้าของนายพิบูลนั่งอยู่ที่เบาะหลัง
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายพิบูลบอกว่าไม่ได้ตีแรง และใช้ด้ามไม้กวาดแบบพลาสติกตีตามลำตัวเท่านั้น สาเหตุที่ทะเลาะกันรุนแรงแบบนี้ เพราะนายพิบูลหึงหวงเรื่องผู้ชาย ซึ่งตนก็ไม่ทราบรายละเอียด เพราะก่อนหน้านี้นางสาวฟางเคยหนีไปแล้วครั้งหนึ่ง และก็กลับมาคบหากันอีก ส่วนเรื่องแฟนเก่าของนายพิบูล เท่าที่ทราบก็ไม่ได้มีปัญหากับ และพูดคุยกันดี ไม่ได้มีปัญหาอะไร
ทั้งนี้ ทั้งคู่ทะเลาะกันกันตามปกติ และมีตีกันบ้าง โดยเมื่อหลายปีก่อน พิบูลเคยทะเลาะกับผู้ตาย ถึงขั้นลงไม้ลงมือ แต่ตนเข้าไปเห็น และเข้าไปห้ามไว้ตลอด จากนั้นก็ไม่ค่อยได้ทะเลาะกันแล้ว เลยไม่เคยคิดว่าจะมาเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น อีกทั้งส่วนตัวไม่เคยเห็นรอยฟกช้ำตามร่างกาย ทั้งนี้ นายพิบูลเป็นคนมีเพื่อนฝูงเยอะ และไม่เคยเห็นว่าทะเลาะกับใคร อีกทั้งยังเป็นคนที่รักภรรยามาก และทะเลาะกันบ่อย จนนางสาวฟางหนีไปแต่ก็ไปตามกลับมาอยู่ด้วยกันทุกครั้ง
ล่าสุด ตนได้คุยกับญาติของผู้ตายแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะทางนั้นจะยินยอมให้ไปร่วมงานศพไหม นางสาวฟางมาอยู่ที่บ้านของตนตั้งแต่อายุได้ 14 ปี ตนก็เลี้ยงเหมือนลูกแท้ ๆ หลังจากเกิดเรื่องตนก็รู้สึกเสียใจเหมือนกัน เพราะรักเหมือนลูก และขอโทษกับการกระทำของลูกชาย ขณะนี้ตนยังไม่ทราบว่าจะสามารถประกันตัวได้หรือไม่