สืบเนื่องจากกรณีที่ทางเพจเฟซบุ๊ก "อีซ้อขยี้ข่าว 2" ได้มีการโพสต์ข้อความบนโซเชียล ระบุว่าทางเพจเองได้รับเรื่องร้องเรียนกรณีมีครอบครัวหนึ่ง พ่อเด็กเลิกกับแม่แล้วประชดด้วยการเอาลูกสาววัย 3 ขวบแขวนคอ ก่อนจะโพสต์ลงเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นในพื้นที่ อ.หนองแค จ.สระบุรี
จากเรื่องราวที่เกิดขึ้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนของ จ.สระบุรี ได้มีแกะรอยเพื่อตรวจสอบ จนกระทั่งพบตัวนายทศพล ผู้เป็นพ่อ ซึ่งเป็นคนถ่ายคลิปดังกล่าว บริเวณห้องเช่าแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.โพธิ์เอน อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมลูกสาววัย 3 ขวบ หลังจากนายทศพล ก็ได้พาตัวลูกออกจากบ้านพักที่ จ.สระบุรี จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเชิญตัวมาสอบสวนเพิ่มเติม
เบื้องต้น นายทศพลให้การยอมรับว่าเป็นคนทำเองภายในห้องเช่า อ้างว่าที่ทำลงไปเพราะต้องการเรียกร้อง เนื่องจากอยากจะพบหน้าภรรยา แต่ไม่ได้พบ เพราะถูกกีดกันจากพ่อตาแม่ยาย ที่ทำลงไปไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายลูก แค่เรียกร้องความสนใจเท่านั้น
ล่าสุด วันที่ 6 ต.ต. 64 ทีมข่าวเดินทางไปยัง สภ.ท่าเรือ ต.ท่าเรือ อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา พ่อเด็กงยังโดนคุมตัวอยู่ภายในห้องขัง ขณะที่เด็กวัย 3 ขวบ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้มีการนำเด็กไปยังโรงพยาบาลในพื้นที่ ทำการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ก่อนจะนำไปตรวจร่างกายหาร่องรอยว่ามีการโดนทำร้ายร่างกายหรือไม่ แล้วเสร็จก็ได้นำเด็กเดินทางมายัง สภ.ท่าเรือ มาพบกับแม่ของเด็ก และครอบครัว
ต่อมาเวลา 15.00 น. น.ส.จิรารัตน์ อายุ 23 ปี แม่ของเด็ก เดินทางมาพร้อมครอบครัว เพื่อมาให้ปากคำเพิ่มเติมกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติม
แม่ของเด็ก เปิดใจว่า ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่คบหากัน ตนเองและสามีค่อนข้างจะมีปัญหาทะเลาะเลาะแวงกันมาตลอด รวมไปถึงเขาเองก็เป็นคนอารมณ์ร้อน ชอบทำร้ายทุบตีตนเวลาที่ไม่พอใจ หรือเวลาที่เมาเหล้าและเมายา เขามักจะอารมณ์ฉุนเฉียว ส่วนสาเหตุที่แตกหักและทำให้ตนต้องตีตัวออกห่าง เกิดขึ้นจากเมื่อช่วงประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา ตนและสามีได้ไปเดินตลาดกัน แล้วมีปากเสียงเรื่องที่ฝ่ายชายหาว่าตนไม่ดูแลลูก จนทำให้สุนัขกัด ทั้งที่ไม่เป็นความจริง ทำให้เขาโมโหและทุบตีตนหลังจากกลับมาที่บ้าน ตอนนั้นตนเองรู้สึกทนไม่ไหว ตัดสินใจหนีกลับบ้านพ่อแม่ที่ จ.สระบุรี ตนตัดสินใจปล่อยให้ลูกอยู่กับสามีเพื่อตัดปัญหา แต่สุดท้ายก็ไม่จบจนมาเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น
ตนยืนยันว่าจะไม่ขอคืนดีกับฝ่ายชายแน่นอน จะไม่กลับไปคบหาอีกแล้ว บทเรียนในอดีตสอนให้ตนรู้แล้วว่าจะต้องทำอย่างไร ขณะที่ลูกสาวเอง หากทางเจ้าหน้าที่พิจารณาแล้วว่าลูกเหมาะสมที่จะได้อยู่ในความดูแลของตน ตนก็พร้อมจะเลี้ยงดู แต่ในใจก็กลัวว่าหากเขาเองออกมาจากคุก หวั่นว่าจะกลับมาระรานอีกครั้ง ปัญหาจะไม่จบสิ้น ก่อนหน้านี้เขาเองไม่เคยทำพฤติกรรมแบบเอาลูกมาเรียกร้องความสนใจโดยการนำเชือกมารัดคอคล้ายฆ่าตัวตายมาก่อน เพราะหลังจากที่ตนตัดขาดกับฝ่ายชายก็ไม่ได้เข้าเล่นเฟซบุ๊กอีกเลย ยอมรับว่าตกใจ หลังมีญาติโทรมาแจ้งข่าว ตอนนี้พร้อมให้ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุดตามกฎหมาย
ท้ายสุดส่วนตัวก็อยากจะขอโทษพ่อและแม่ ที่ยอมไม่ยอมเชื่อฟังเมื่อ 4 ปีก่อน ตอนที่ตนคบหากันช่วงเเรก เพราะครอบครัวไม่ปลื้มและไม่เห็นด้วยกับการคบหาครั้งนี้ ถึงขั้นเคยไปตามตนกลับบ้านมาแล้ว 2 รอบ มีรอบหนึ่งที่ทางฝ่ายชายเองพยายามจะทำร้ายร่างกายพ่อ แต่ตนได้ห้ามไว้ทัน
ต่อมาเวลา 17.05 น. ตำรวจ สภ.ท่าเรือ นำโดย พ.ต.อ.ธีรวุฒิ แสงมณี ผกก.สภ.ท่าเรือ พร้อมด้วยนายตำรวจจำนวนกว่า 5 นาย คุมตัวผู้ต้องหา นายทศพล ออกจากห้องขัง เพื่อเดินทางไปทำแผนชี้จุดยังหอพักส่วนตัว ที่เป็นจุดเกิดเหตุ เจ้าตัวเองปฎิเสธที่จะตอบคำถามสื่อมวลชน พร้อมเดินก้มหน้าขึ้นรถกระบะที่ตำรวจได้จัดเตรียมไว้
ไปถึงจุดเกิดเหตุเป็นหอพัก ห้องเช่า 2 ชั้น จำนวน 20 ห้อง ห้องของผู้ต้องหาจะอยู่ชั้น 2 มีการพูดกับทางสื่อมวลชน ลักษณะไล่ไม่ให้ทำข่าว และบอกว่าให้ออกไป อย่าเสื-กเรื่องของชาวบ้าน พยายามปิดประตูห้อง แต่ทางเจ้าหน้าที่เองก็ได้ห้ามเอาไว้ ก่อนจะนำตัวไปชี้จุดบริเวณด้านหลังหน้าห้องน้ำ โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที ในการทำแผน แล้วคุมตัวกลับไปยัง สภ.ท่าเรือ เพื่อทำเรื่องฝากขังศาลในวันพรุ่งนี้ ขณะที่ทำแผนทางเจ้าตัวเองก็ค่อนข้างมีสติ และไม่ได้โวยวาย ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
จากที่สำรวจพบว่าในห้องค่อนข้างรก มีข้าวของเครื่องใช้กระจัดกระจายเต็มห้อง พบมีจักรยานของเด็ก ลูกบอลสี ตุ๊กตา มีกล่องนม และเสื้อผ้าของเล่นเต็มห้อง ตลอดจนยังมีในส่วนของขวดเหล้า และขวดเบียร์ ที่วางอยู่ภายในห้องด้วย
ข่าวเองได้เดินสำรวจไปด้านหลังจุดที่ทางผู้ก่อเหตุได้ใช้เชือกผูกคอลูกสาวนั้น พบว่าจุดดังกล่าวอยู่ตรงห้องครัวหน้าประตูห้องน้ำ พบเชือกไนล่อนสีขาว ผูกติดกับท่อระบายแอร์ห้อยลงมา ด้านล่างเองจะมีถังใส่น้ำตั้งอยู่ ซึ่งคาดว่าจะเอาไว้ให้ลูกสาวรองนอนในช่วงที่ก่อเหตุ
ส่วนคดีเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ แจ้ง 2 ข้อหากับนายทศพล หลังพบตรวจปัสสาวะเป็นสีม่วง คือ 1.มีสารเสพติดในร่างกาย 2.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ส่วนข้อหาอื่นในเรื่องทำร้ายร่างกายลูกต้องรอผลตรวจจากใบรับรองแพทย์ยืนยันก่อนว่า มีการก่อเหตุทำความรุนแรงในครอบครัวจริงหรือไม่ ถึงจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมได้
นายทองมา ภูแชมโชติ พ่อตาผู้ก่อเหตุ เล่าว่า ก่อนหน้านี้ประมาณช่วง 4 ปีก่อน ยอมรับว่าตนเองไม่ได้ปลื้มลูกเขยคนนี้ ถึงขั้นเคยสั่งห้ามและไม่ให้คบหาดูใจกันกับลูกสาว แต่ลูกสาวไม่ยอมฟัง หนีตามผู้ชายไปอยู่กินกันฉันสามีภรรยา จนมีลูกด้วยกัน 1 คน ซึ่งเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น ตนเคยไปตามลูกสาวมาแล้ว ลูกเขยไม่พอใจพยามจะขับรถไล่ชนตนและภรรยา ตั้งแต่วันนั้นตนและภรรยาก็ตัดใจและทำใจ เนื่องจากลูกสาวตัดสินใจเลือก จากนั้นก็ขาดการติดต่อกับลูกสาวกว่า 3 ปี
ต่อมาเมื่อ 2 เดือนก่อนหน้านี้ลูกสาวได้ติดต่อกลับมา พร้อมระบุว่าอยากจะกลับบ้าน เนื่องจากโดนฝ่ายชายทำร้ายร่างกาย โดยที่เขาเองไม่ยอมบอกว่าโดนทำร้ายร่างกายมาตลอด พอลูกสาวหนีกลับมาอยู่กับตนที่บ้าน จ.สระบุรี ทางด้านฝ่ายชายเองก็ได้ตามระรานและราวีตลอดเวลา ทางลูกสาวเองเลยตัดสินใจกลับไปอยู่กินอีกครั้ง แต่ผ่านไม่ไม่กี่วันลูกสาวก็หนีกลับมาเหมือนเดิม ครั้งนี้เองทำให้ฝ่ายชายรู้สึกโกรธพร้อมกลับมาระรานอีกครั้ง ตลอดจนมีการข่มขู่ว่าจะฆ่าล้างครัว ตนเองก็พยายามพูดคุยดี ๆ แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอม ซึ่งสร้างความหวาดกลัวให้ตนและครอบครัวเป็นอย่างมาก ยังขู่ว่าจะฆ่าตน และจากนั้นจะไปฆ่าหลาน ก่อนจะฆ่าตัวเองตายตาม ด้วย
ทั้งนี้พอส่วนตัวมาเห็นภาพที่เอาหลานไปผูกคอห้อยกับสายไฟ ส่วนตัวยอมรับว่าค่อนข้างสะเทือนใจและโมโห แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เหตุการณ์ครั้งนี้ตนไม่ขอให้อภัย ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ ส่วนหลานสาวนั้นตนยืนยันว่าต้องการรับไปเลี้ยงดู