"ประจักษ์ชัย" พร้อมทนาย ยื่นฟ้อง "อาม ชุติมา" เรียกค่าเสียหาย (คลิป)

"ประจักษ์ชัย" พร้อมทนาย เข้ายื่นฟ้องต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ ลั่นสัญญาสมบูรณ์ "อาม ชุติมา" ต้องจ่ายค่าเสียหาย 21 ล้าน 6 แสน

เรื่องราวยังคงไม่จบลงง่าย ๆ สำหรับการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายและการอยากเป็นอิสระจากค่ายไหทองคำ ระหว่าง "อาม ชุติมา" นักร้องลูกทุ่งสาวและนักแต่งเพลงชื่อดัง กับ "นายประจักษ์ชัย เนาวรัตน์" หรือ ประจักษ์ชัย ไหทองคำ ผู้บริหารของค่ายไหทองคำ ซึ่งล่าสุดตอนนี้ทนายดังและผู้ใหญ่หลายคนได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ "อาม ชุติมา" โดยขณะนี้จากที่อามหยุดรับงานไว้ถึงแค่ปลายปี เจ้าตัวกล้าที่จะรับงานเพิ่ม โดยไม่เกรงต่อสัญญาที่ยังเหลืออีก2ปีกว่ากับค่ายหลักอย่างค่ายไหทองคำ

ในวันนี้ (29 ต.ค. 61) ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ "นายประจักษ์ชัย เนารัตน์" และ นายบุญถาวร ปัญญาสิทธิ์ ทนายความ ได้เดินทางมายื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราว และยื่นคำฟ้องการผิดสัญญา เรียกค่าเสียหาย และขอให้บังคับเป็นไปตามสัญญา เพื่อให้ "อาม ชุติมา" กลับมายังค่ายและทำตามสัญญาที่ได้ตกลงไว้ โดยนายประจักษ์ชัย กล่าวว่า เมื่อเรื่องราวมาถึงจุดนี้ ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทนาย เพราะได้ยื้อเรื่องราวมา 5-6 เดือน ไม่มีคำว่าผู้ใหญ่รังแกเด็ก เพราะทุกคนเป็นผู้ใหญ่กันหมด คนที่คอยช่วยอามก็เป็นผู้ใหญ่ทั้งนั้น

ในวันที่ "อาม" ได้เข้ามาขอขมาเมื่อหลายวันก่อน ตนยอมรับว่าตนอยู่ในค่ายแต่ไม่ได้ลงมา เนื่องจากการนัดในวันนั้นไม่ได้เป็นการนัดผ่านตัวแทน และการที่แฟนคลับมาคอยอยู่ใต้ตึก ถือเป็นการกดดัน ไม่ใช่ลักษณะของการพูดคุยเจรจา การที่ตอนนี้มีคนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลืออาม ทำให้อามกล้ารับงานเพิ่ม หลังจากงดรับงานไว้ถึงสิ้นปี ถือว่าขณะนี้เรื่องถึงศาลแล้ว ต่อไปจะเป็นหน้าที่ของทนายและศาล ในการคุ้มครองชั่วคราว นายประจักษ์ชัย ยังบอกอีกว่า ในเวลานี้ตนยังให้โอกาสอาม การไม่รับการขอขมาไม่ใช่การปฏิเสธ แต่อีกฝ่ายยังไม่ตอบรับว่าจะมาพูดคุยอย่างไร แต่ตนได้ตั้งใจไว้แล้วว่าจะปกป้องสิทธิ์ของตัวเองในทางกฏหมาย ส่วนภาษีของค่ายที่ "นายอัจฉริยะ" บอกว่าจะตรวจสอบย้อนหลัง "นายประจักษ์" บอกว่าไม่เกี่ยวกันกัน เงินไม่ใช่เงินที่ค้างต่อ "อาม ชุติมา" แต่เป็นเงินค่าทำหนังที่ไม่เสร็จ ซึ่งทนายความของค่ายจะทำการตรวจสอบต่อ ขอยืนยันว่าตนไม่มีการถ่ายเททรัพย์สิน ตนจ่ายค่าตัวให่แก่ศิลปินครบทุกบาท แต่ก่อน "อาม" เป็นคนร้องเพลงรอ "ลำไย" ขึ้นแสดง ตนให้3เพลง5,000บาท ผ่านไป1ปี ตนให้3หมื่นบาท ตนได้ให้คาแรคเตอร์ ให้ต้นทุน ไม่ได้ทวงบุญคุญ แต่ตนคือคนลงทุน สัญญาที่ทำไว้5ปี ที่อื่น8ปี แบบนี้จะเป็นทาส? ไม่มีใครเป็นทาสใคร

ด้านทนายบุญถาวร บอกว่า ตนได้ยื่นฟ้องต่อศาลด้วยกฎหมายรักษาสิทธิ์ เนื่องจากสัญญาที่ได้ทำต่อกันมีความสมบูรณ์ทุกขั้นตอน ถึงแม้ "อาม ชุติมา" จะเป็นผู้เยาว์ขณะทำสัญญา แต่ก็มีผู้ปกครองเซ็นยินยอม ไม่มีคำว่าโมฆียะตามที่อีกฝ่ายกล่าวอ้าง หากอีกฝ่ายต้องการยกเลิกสัญญา แต่ฝ่ายเราไม่ยินยอม ก็ยกเลิกไม่ได้ ถือว่าสัญญายังสมบูรณ์ ค่ายยังคงมีสิทธิ์ในตัวของนักร้องนักแสดง วันนี้จึงได้ยื่นขอความคุ้มครองชั่วคราว มห้ระงับการรับงานและการแสดงใด ๆ หากยังรับจะถือว่าละเมิด ดังนั้นวันนี้ไม่ใช่การรังแกเด็ก แต่เพื่อป้องกันการยืดเยื้อ ค่ายยังคงเปิดโอกาสให้ "อาม ชุติมา" เข้ามาเจรจาว่าจะอยู่หรือจะไป แต่การเจรจาทุกครั้งต้องผ่านศาล เพื่อให้ศาลหาผู้ไกล่เกลี่ยและหาผู้อธิบายกฎหมายให้อีกฝ่ายได้ทราบ

นอกจากนี้ ทนายบุญถาวร ยังยืนยันว่า ลิขสิทธิ์เพลงต่าง ๆ ที่ซื้อมาจาก "อาม ชุติมา" อย่างเพลงผู้สาวขาเลาะ ยังคงเป็นของค่ายไหทองคำ เพราะมีการซื้อขายชัดเจน สำหรับคิวงานที่ "อาม ชุติมา" รับไว้ทั้งหมดตอนนี้ ถือว่าละเมิดสัญญา ดังนั้นค่ายจึงเรียกค่าเสียหายย้อนกลับตั้งแต่ "อาม ชุติมา" ละเมิดสัญญาตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน รวม 21 ล้าน 6 แสน รวมค่าฉีกสัญญาแล้ว 2 ล้าน เป็นการฟ้องตามสิทธิ์ที่กฎหมายรองรับ หากยังคงละเมิดสัญญาต่อจะมีการใช้สิทธิ์ทางศาล หากไม่ฟังจะมีการออกหมายเรียกและหมายจับ ซึ่งกฎหมายสัญญาจะบังคับถึง 13 พฤษภาคม 2564 หากละเมิดจะดำเนินคดีตามสิทธิและหน้าที่ นอกจากนี้ ค่าตัวที่อีกฝ่ายกล่าวอ้างว่าไม่เป็นธรรม 70:30 ให้ดูเป็นกรณี ให้อีกฝ่ายชี้แจงรายละเอียดออกมาเป็นงาน ๆ ไป เพื่อตรวจเช็คย้อนหลัง ส่วนการทำสัญญาซ้อนเป็นประเด็นของบุคคลที่3 หากค่ายนายพลจะฟ้องร้องก็เป็นเรื่องของ "อาม" ไม่เกี่ยวกับค่ายไหทองคำ เนื่องจากค่ายไหทองคำเป็นสัญญาหลัก