กรณีวันที่ 3 ต.ค. 64 ที่บริเวณหน้าที่ทำการสายตรวจคลองแม่ลาย ต.คลองแม่ลาย อ.เมือง จ.กำแพงเพชร ชาวบ้านที่กำลังจับจ่ายซื้อของหน้าตลาดกันอยู่ต่างตื่นตกใจเหตุชุลมุล มีชายคนหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นออกมาจากร้านสะดวกซื้อ และตรงเข้าขวางหน้ารถยนต์เก๋งสีขาว ภายในรถมีหญิงสาวเป็นผู้ขับ พร้อมกับเพื่อนสาวอีกคนที่นั่งมาด้วยกัน
ชายคนดังกล่าวคือ นายธนะสิทธิ์ สุขเกตุ หรือ ชัด อายุ 59 ปี แจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าหญิงสาวที่ขับรถอยู่นั้นคือแฟนสาวของตัวเองชื่อ น.ส.กิ่ง (นามสมมติ) อายุ 27 ปี นอกจากนี้ โซเชียลแชร์คลิปเสี่ยชัดในงานแห่งหนึ่ง เป็นนักเต้นเอวทอง
ล่าสุด วันที่ 7 ต.ค. 64 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปติดตามความคืบหน้า กรณีเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยวันนี้ "เสี่ยชัด" แจ้งว่ามีความสบายใจขึ้นมาระดับหนึ่ง เนื่องจากว่าเมื่อวานนี้ได้ทราบว่า น.ส.เกตุฤดี จะคืนรถยนต์ที่ตนซื้อให้ หลังเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วประเทศ
ต่อมา เมื่อเวลา 10.00 น. "เสี่ยชัด" โทร.ติดต่อกับ น.ส.เกตุฤดี ซึ่งได้นัดแนะกันว่าในเวลา 14.00 น. พากันไปจัดการเรื่องรถยนต์ที่ยังมียอดค้างบัญชีกว่า 70,000 บาท กับทางบริษัทไฟแนนซ์ หลังจากนั้นจะส่งมอบรถยนต์คันดังกล่าวให้กับเสี่ยชัด
เวลา 14.00 น. ที่บริษัทไฟแนนซ์ ย่านตลาดลานโพธิ์ จ.กำแพงเพชร เพื่อจะทำการปิดบัญชีสินเชื่อรถยนต์ที่เสี่ยชัดซื้อให้กับ น.ส.เกตุฤดี โดยรถยนต์คันดังกล่าวที่ น.ส.เกตุฤดี ได้นำมาเข้าไฟแนนซ์ โดยมีเงื่อนไขว่าเสี่ยชัดจะต้องไปปิดบัญชีรถยนต์ ที่ฝ่ายหญิงเป็นผู้ค้ำประกันให้ เพื่อความสบายใจ และจะต้องนำเงินมาปิดบัญชีในส่วนรถยนต์ที่ตนเอาเข้าไฟแนนซ์ไว้ให้จบสิ้น ซึ่งเสี่ยชัดได้ทำเรื่องไว้เสร็จสิ้นแล้ว น.ส.เกตุฤดี ยินดีคืนรถยนต์ให้กับเสี่ยชัด เพื่อตัดปัญหาเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด
น.ส.เกตุฤดี คงวันดี หรือ เกตุ อายุ 27 ปี อดีตแฟนสาวของนายธนะสิทธิ์ บอกว่า หลังจากที่ได้คืนรถเเล้ว ตนก็รู้สึกสบายใจมาก เพราะรถคันนี้ตนเองตั้งใจว่าจะคืนตั้งเเต่เเรกอยู่เเล้ว ถือว่าหลุดพ้นโดยที่ไม่ต้องมีอะไรมาผูกมัดกันอีก
ซึ่งตอนนี้ตนเองถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก มองว่าตนไปหลอกเขา ตนยืนยันว่าไม่เคยคิดหลอก เพราะหากหลอกจริงก็คงไม่คืนรถให้ อีกทั้งก่อนคืนรถ ลุงธนะสิทธิ์จะให้เงิน 20,000 บาท ด้วยความเสน่ห์หา แต่ตนก็ไม่ขอรับ "นี่หรือที่เรียกว่าหลอก" ยืนยันว่าตนไม่ได้หลอกลวง
หลังจากนี้ ยืนยันว่าจะไม่กลับไปยุ่งเกี่ยวกับลุงธนะสิทธิ์อีก ส่วนสังคมตอนนี้ก็มองต่างกันไป บางส่วนก็โจมตี เเต่บางส่วนก็ให้กำลังใจ ตนถือว่าเป็นเรื่องปกติ คิดเพียงว่าต้องอยู่ให้ได้ ถึงเเม้จะถูกมองอย่างไรในสายตาคนอื่นก็ตาม เพราะสุดท้ายเเล้ว ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป สุดท้ายนี้ ตนอยากบอกลุงธนะสิทธิ์ว่า "หนูขอให้ลุงดำเนินชีวิตไปในเเบบของลุง ส่วนหนูก็จะใช้ชีวิตในเเบบของหนู ต่างคนต่างไป"
นายธนะสิทธิ์ สุขเกตุ หรือ เสี่ยชัด อายุ 59 ปี หนุ่มใหญ่ที่กระโดดเกาะรถ บอกว่า ตอนนี้รู้สึกโล่งใจ หลังจากที่ได้รถเก๋งคืนเเล้ว ซึ่งรถคันนี้มีความหมายกับตนมาก ตอนเเรกตั้งใจจะให้น้องเกตุด้วยความจริงใจ เเต่ในเมื่อน้องเกตุไม่ได้รักตน ตนก็ขอคืน เเละได้จ่ายเงิน 70,000 บาท ให้ไฟเเนนซ์เรียบร้อยเเล้ว โดยน้องเกตุเเค่เซ็นเอกสารเฉย ๆ เพราะค่าไถ่รถทุกอย่างตนเป็นผู้รับผิดชอบ
รวมถึงรถฟอร์ดที่ตนเองเคยเอาเข้าไฟเเนนซ์ เพื่อนำเงิน 250,000 บาท ไปซื้อรถเก๋งคันนี้ โดยน้องเกตเป็นผู้ค้ำประกันให้นั้น เมื่อวานที่ผ่านมา ตนก็ได้นำเงินจำนวน 160,000 บาท ไปโปะไว้ก่อนเเล้ว ส่วนที่เหลือ 90,000 บาท จะทยอยจ่ายเอง ซึ่งเงื่อนไขของไฟเเนนซ์ ยอดหนี้ไม่ถึงเเสนไม่จำเป็นต้องมีคนค้ำ ดังนั้นตอนนี้ชื่อน้องเกตุก็ได้หลุดออกจากผู้ค้ำเรียบร้อยเเล้ว ส่วนกรณีที่น้องเกตุโพสต์เรื่องเอกสารเล่มทะเบียนรถว่าเป็นคนละเล่มกับรถคันนี้นั้น ตนยอมรับว่าหยิบเอกสารไปผิด เเต่ภายหลังก็ได้เคลียร์กันเรียบร้อย ไม่มีปัญหา
ตอนนี้ถือว่าตนกับน้องเกตุจบกันด้วยดี โดยที่ไม่มีพันธะใด ๆ ต่อกันอีกเเล้ว ตนขอยืนยันว่าจะไม่กลับไปคบหากับน้องเกตุอีก ทุกสิ่งทุกอย่างที่เสียไป ตนไม่เสียดาย ที่ผ่านมาถือว่าเป็นบทเรียน วันนี้ตอนเจอหน้ากัน ก็พูดคุยกันเพียงเรื่องรถกับเรื่องเอกสารเท่านั้น ไม่ได้พูดคุยเรื่องอื่น
"หลังจากที่ได้รถคืน มันทำให้ผมคิดทบทวนอะไรได้หลาย ๆ อย่าง ซึ่งเมื่อก่อนผมรักเขามาก อยากให้เขามาอยู่ด้วย โดยจะให้เงินวันละ 1,000 บาท โดยที่น้องเกตุบอกว่าจะขออยู่เฉย ๆ ไม่ทำงาน ผมก็ยอม เเต่น้องเกตุก็ไม่มาอยู่กับผม ตอนนี้ผมจึงคิดได้เเล้ว ว่าโชคดีที่เขาไม่ได้มาอยู่กับผม เพราะหากตอนนั้นเขามาอยู่กับผมจริง ๆ ชีวิตผมก็คงหาความเจริญไม่ได้ คงมีเเต่จะตกต่ำ คงเหมือนตกนรก ตอนนี้ผมหลุดพ้นเเล้ว หลายครั้งเคยนอนร้องไห้คนเดียว คิดว่าทำไมชีวิตต้องมาเจออะไรเเบบนี้"
นายธนะสิทธิ์ กล่าวด้วยน้ำตาที่คลอเบ้าว่า "ตอนนี้ผมรู้สึกดีขึ้น หลังจากที่ได้รับกำลังใจเป็นจำนวนมาก ขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจให้ ผมไม่คิดว่าจะมีคนมาให้กำลังใจคนอย่างผม ผมซึ้งใจมาก" สุดท้ายนี้ ตนอยากฝากไปถึงน้องเกตุให้ปรับเปลี่ยนตัวเอง อย่าไปหลอกใครอีก